นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าได้เซ็นขยายสัญญาการก่อสร้างอาคารรัฐสภา ครั้งที่ 4 เมื่อช่วงค่ำวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยขยายออกไปอีก 382 วัน เป็นการพิจารณาตามเหตุผลด้วยความเหมาะสม เพราะทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นฝ่ายผิดนั้น
วันนี้ (11ธ.ค.2562) นายวัชระ เพชรทอง อดีตสส.ปชป.กล่าวตอบโต้กรณีนี้ว่า ทำให้น่าสงสัยในพฤติกรรมและคำพูดของนายสรศักดิ์ ว่าเหตุใดต้องรีบร้อนออกมาบอกว่าสภาเป็นฝ่ายผิด เพราะการไปยอมรับโดยหัวหน้าส่วนราชการอย่างชัดเจนถึงเหตุผลของการขยายเวลาในครั้งนี้ ว่าสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ว่าจ้าง) เป็นฝ่ายผิดนั้น ทั้งที่ในข้อเท็จจริงยังมีประเด็นว่า การที่สภายังสร้างไม่เสร็จอาจเกิดจากการไม่ประสานการทำงานระหว่าง บ.ซิโน-ไทยฯ (ผู้รับจ้าง) กับ ผู้รับจ้างการทำงานระบบ IT ของสภา (ตามที่ข้าราชการฝ่ายพัสดุ มีหนังสือไม่เห็นด้วยกับการใช้เหตุผลในเรื่องนี้) เท่ากับว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจงใจสละข้อต่อสู้กับ บ.ซิโน-ไทยฯ ในเรื่องการเรียกร้องค่าปรับที่ต้องจ่ายวันละประมาณ 12 ล้านบาท รวมทั้งยอมรับค่าเสียหายต่าง ๆ ที่ บ.ซิโน-ไทยฯ จะเรียกร้องต่อไปในอนาคตด้วย เพราะสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรไปยอมรับแล้วว่า เป็นความผิดของตนเอง ทำให้เป็นผลร้ายของทางการที่ไม่สามารถยกข้อต่อสู้กับ บ.ซิโน-ไทยฯ ได้
การกระทำคณะกรรมการตรวจการจ้าง และหัวหน้าส่วนราชการในเรื่องนี้ ถือเป็นการจงใจก่อให้เกิดความเสียหายกับทางราชการ และไม่ใช่การประมาทเลินเล่อ เพราะเจ้าหน้าที่ที่มีหน้ารับผิดชอบโดยตรง คือ ฝ่ายพัสดุฯได้ทำหนังสือคัดค้านแล้ว แต่หัวหน้าส่วนราชการไม่รับฟังและตัดสินใจเอง การจะอ้างว่าได้ลดจำนวนวันขยายเวลาที่ บ.ซิโน-ไทยฯ ขอมา 502 วัน เป็น 382 วันแล้ว เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพราะการขยายเวลาต้องขึ้นอยู่กับเหตุผลและต้องไปตามที่สัญญาระบุไว้ ถ้าไม่มีเหตุผลเพียงพอและไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในสัญญา การขยายให้แม้เพียง 1 วัน ก็ทำไม่ได้ เพราะจะทำให้การก่อสร้างล่าช้าออกไป รวมทั้งทางราชการไม่ได้ค่าปรับ วันละ 12 ล้านบาท จากผู้รับจ้างก่อสร้าง และเหตุใดผู้รับจ้างก่อสร้างจึงไม่ต้องจ่ายค่าปรับวันละ 12 ล้านบาทให้แก่ทางราชการ และมีผลโดยตรงต่อราคาหุ้นของ บ.ซิโน-ไทยฯทันที ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เป็นการจงใจให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ การพูดของนายสรศักดิ์ยอมรับว่าสำนักงานเป็นฝ่ายผิดง่าย ๆ โดยไม่สนใจคำทักท้วงของฝ่ายพัสดุ เป็นเรื่องมักง่ายเกินไปหรือไม่ และนายสรศักดิ์ได้สอบถามจากฝ่ายกฎหมายสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้วหรือไม่
รวมทั้งได้รายงานเรื่องการขยายเวลาให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทราบเมื่อใด เป็นช่วงก่อนหรือหลังบริษัทผู้รับเหมาขอขยายเวลาสัญญาเพราะนายชวนให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคมว่า ยังไม่ได้รับรายงานและให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาเรื่องการขยายสัญญา แต่วันเดียวกันผู้รับเหมากลับรับทราบเรื่องการขยายสัญญาล่วงหน้าก่อนแล้ว
การที่นายสรศักดิ์อ้างว่าได้เซ็นขยายสัญญาครั้งที่ 4 ในวันที่ 4 ธันวาคมช่วงค่ำ ๆ เหตุใดจึงไม่รีบรายงานประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของสภา หากนายสรศักดิ์จะแถลงในวันนี้ก็ให้ตอบคำถามให้ชัดเจน และฝากถามด้วยว่า เรื่องรัฐสภาทองคำที่จะสร้างถวายในหลวงไปถึงไหนแล้ว และเรื่องส่งไลน์คุกคามทางเพศข้าราชการหญิงผู้ใต้บังคับบัญชานายสรศักดิ์ได้ทำจริงหรือไม่
นายวัชระ ย้ำว่า จากพฤติกรรมต่าง ๆ ของนายสรศักดิ์นั้น ขอเสนอให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายสรศักดิ์ เนื่องการขยายเวลาครั้งที่ 4 และสั่งพักราชการนายสรศักดิ์ได้แล้ว เพราะพฤติกรรมอย่างนี้ไม่แตกต่างอะไรจากพระยาจักรีคราวเสียกรุงศรีอยุธยาเลยทีเดียว โดยเฉพาะการรีบรับสมอ้างว่าสำนักงานเป็นฝ่ายผิดเพื่อให้เอกชนได้ประโยชน์ แต่ขอยืนยันว่าสภาเป็นฝ่ายถูก และนายชวน หลีกภัย เป็นผู้ยึดหลักกฎหมาย หลักนิติรัฐนิติธรรม และหลักประหยัด คงไม่ชอบให้ประเทศชาติเสียประโยชน์หรือเกิดค่าโง่ขึ้นในสมัยนี้อย่างแน่นอน