ช็อตเด็ด“สหายแสง”ปะทะ“วีรบุรุษนาแก”

26 ก.พ. 2563 | 09:25 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.พ. 2563 | 05:19 น.

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลเป็นวันที่สามโดยมี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมสภาฯนั้น

ตอนหนึ่งของการอภิปราย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เริ่มบทโหมโรงว่า  

...ไม่แปลกใจที่ทุกคนจองกฐินที่จะขออภิปรายนายกฯ คนในพรรคตนก็หลายคน จนตนต้องบอกให้เพลาๆ เดี๋ยวพล.อ.ประยุทธ์ จะงอนอีก สาเหตุที่ทำไมประเด็นที่จะอภิปรายมันมากเหลือเกินก็เพราะพล.อ.ประยุทธ์ เป็นทั้งนายกฯ เป็นรมว.กลาโหม คุมกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) คุมทหารไม่พอ ยังคุมตำรวจอีก เป็นประธานคณะทำงานชุดต่างๆอีกมากมาย และยังเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจอีกเยอะแยะมากมาย คนเรามีแค่ 1 สมอง 2 มือ จะคิดจะทำอะไร 1 วันมี 24 ชั่วโมง จะทำอะไรนักหนา ควรแบ่งให้คนอื่นเขาทำบ้าง เชื่อใจคนอื่นเขาบ้าง

เดี๋ยวท่านก็ ปสด. อย่าเข้าใจผิด ปสด. ป.ก็พี่ป้อม ส.ก็เสรีพิศุทธิ์ ด.ก็ตอนนี้ดองกันแล้ว เหลือแต่ ป.ประยุทธ์ ส.เสรีพิศุทธิ์ ยังไม่ได้ดองกัน ถ้าย้อนกลับไปได้จะไม่เป็นตำรวจแต่อยากจะไปเรียนโรงเรียนนายร้อยจปร.ผมจบโรงเรียนเตรียมทหารมาด้วยกันแต่พล.อ.ประยุทธ์ จบรุ่นหลังผมแต่ท่านแยกเหล่าไปเรียนจปร. เป็นผบ.ทบ.และไปเป็นนายกฯ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะไม่เป็นตำรวจ เพราะเป็นได้แค่ตำรวจถ้าอยากเป็นส.ส.ต้องหาเสียงแทบตาย สู้เรียนจปร.ไม่ได้เพราะเป็นอะไรก็ได้ใช่ไหมท่านนายกฯท่านเลือกได้ตามสบาย..

ทำให้ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ผู้อภิปรายว่า กำลังนอกประเด็นไม่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ และขอให้นายศุภชัย ประธานควบคุมการประชุม นายศุภชัย ได้วินิจฉัยว่า การอภิปรายของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เพิ่งจะเริ่มต้นอภิปราย และอายุมากแล้ว ต้องให้เวลาเกริ่นนำกันก่อน

 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงอภิปรายต่อว่า "..จะไม่พูดเรื่องอดีต เอาแค่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำรัฐประหารยึดอำนาจ เป็นนายกฯ มา 6 ปี จนทหารบ้าคลั่งนำปืนมากราดยิงประชาชนหลายศพ จนถึงงานกีฬาประเพณีของมหาวิทยาลัยที่ นักศึกษาเขียนไว้ “ผนงรจตกม.” ท่านก็ไปคิดดูกันเอง

ความวุ่นวายส่อเค้าขึ้นเมื่อมีส.ส.ฝ่ายรัฐบาลต่างรุมประท้วงอย่างต่อเนื่องทั้งน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ และนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นประท้วงว่า กำลังพูดนอกประเด็น ไม่ยอมเข้าเรื่องจนนายศุภชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมต้องเตือนให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รีบพูดเข้าประเด็น เพื่อมิให้เกิดการประท้วง

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จึงได้เริ่มพูดเข้าประเด็นเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณ ยืนยันว่า คณะบุคคลต้องเปล่งวาจาด้วยถ้อยคำที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้เท่านั้นจะนอกเหนือขาดเกินไม่ได้

กระทั่ง นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ยกมือลุกขึ้นประท้วงทันทีเพราะตกลงกันแล้วห้ามเอาเรื่องถวายสัตย์มาพูดและห้ามนำเรื่องสถาบันมาพูด ทั้งยังย้ำว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้แจ้งเรื่องนี้ให้ทราบไปแล้ว ทำให้ส.ส.ฝ่ายค้านหลายคนพากันรุมประท้วงนายชินวรณ์​ที่ยกมือประท้วงไม่ว่าจะเป็น น.ส.ธนพร โสมทองแดง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ที่ต่างยืนยันว่า เป็นเรื่องที่สามารถพูดได้จนบรรยากาศที่ประชุมส่อเค้าวุ่นวายเพิ่มขึ้นอีก

ระหว่างนั้น น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ลุกขึ้นประท้วงเป็นรอบที่ 2 ว่า  พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทำตัวดื้อด้านเหมือนเด็กดื้อรั้นก็ยิ่งทำให้ส.ส.ฝ่ายค้านแสดงความไม่พอใจ ยกมือรุมประท้วงขอให้ถอนคำพูด น.ส.ปารีณาจึงยอมถอนคำพูด

จากนั้นนายศุภชัย ได้วินิจฉัยว่า ถ้า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะพูดเกริ่นนำเรื่องการถวายสัตย์จะอนุญาตให้พูดได้แต่ถ้าจะพูดลงลึกรายละเอียดจะไม่อนุญาตเพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนบริหารราชการแผ่นดิน และศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้ขาดเรื่องดังกล่าวไปแล้ว อีกทั้งรัฐธรรมนูญไม่อนุญาตเพราะถ้าอภิปรายเรื่องถวายสัตย์ย่อมกระทบไปถึงสถาบันจึงไม่สามารถอนุญาตได้ ทำให้ส.ส.ฝ่ายค้านพากันรุมประท้วงคำวินิจฉัยของนายศุภชัยทันที เกิดการโต้เถียงกันไปมาระหว่าง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน จนการประชุมไม่สามารถดำเนินการต่อได้

ระหว่างนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้กล่าวตำหนินายศุภชัยว่า “ทำหน้าที่ประธานเป็นหรือไม่” ยิ่งทำให้เหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมาอีก จนนายศุภชัย กล่าวเสียงแข็งขอให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ถอนคำพูดเพราะพูดดูถูกประธานหลายครั้งแล้ว ถ้าไม่ยอมถอนจะไม่ให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อภิปรายต่อ

 ในที่สุด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จึงยอมถอนคำพูดและว่า “ตนเองไม่ได้ไปร่วมตกลงอะไรด้วย การห้ามพูดเรื่องดังกล่าวไม่รู้ไปมั่วกันยังไง” ทำให้ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านโต้เถียงกันไปมาเสียเวลากว่า 40 นาที นายศุภชัย จึงตัดบทให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ พูดต่อ แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังพยายามพูดเรื่องการถวายสัตย์ต่อ ทำให้นายศุภชัย เบรกกลางที่ประชุมว่า ไม่ให้พูดต่อเพราะได้วินิจฉัยไปแล้วมิเช่นนั้นจะเชิญออกจากห้องประชุมให้เลือกเอาจะอภิปรายเรื่องอื่นหรือจะให้เชิญออกจากห้องประชุม บอกว่า ไม่ได้ขู่แต่เอาจริง ทำให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ สวนทันทีว่า “หากจะเอาจริงก็ให้ไปเจอกันนอกสภา”

นายศุภชัย ตอกกลับทันทีว่า “ไม่ต้องห่วง ผมไม่เคยกลัว หากมีคนบอกว่า ท่าน คือ วีรบุรุษนาแก ผมก็สหายแสง อย่ามาขู่กัน” ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมตึงเครียดขึ้นมาทันที มีส.ส.ฝ่ายรัฐบาลสนับสนุนให้ไล่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ออกนอกห้องประชุม ขณะที่ส.ส.ฝ่ายค้านพากันประท้วงนายศุภชัย โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จึงได้พยายามชี้แจงว่า “อย่าเข้าใจว่า ผมข่มขู่ ที่ว่าไปเจอกันนอกสภา หมายถึงไป พูดคุยกินกาแฟทำความเข้าใจที่ห้องประธานได้”

จากนั้น นายศุภชัย จึงยอมให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์อภิปรายต่อ ซึ่งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ก็กล่าวต่อเพียงสั้นๆว่า “ที่ผ่านมานายกฯหลอกตัวเองตลอด แต่ใครหลอกตัวเอง ก็ไม่สมควรจะมาทำหน้าที่นายกฯ” ก่อนที่จะนั่งลงจบการอภิปรายในทันทีบรรยากาศการประชุมจึงคลี่คลายลง