ศาลแพ่งตีตก คนไทยในไอร์แลนด์ ฟ้อง“บิ๊กตู่”ออกพรก.ฉุกเฉิน

04 เม.ย. 2563 | 07:12 น.
อัปเดตล่าสุด :04 พ.ค. 2563 | 04:03 น.

ศาลแพ่งยกฟ้องชายไทยในไอร์แลนด์ ฟ้อง “บิ๊กตู่”ประกาศใช้ “พ.ร.ก.ฉุกเฉิน”สกัดโควิด ชี้ข้อกำหนดกรองคนเข้าประเทศ ให้อำนาจนายกฯออกได้ ไม่ละเมิดสิทธิ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลแพ่งมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง คดีหมายเลขดำ พ.1864/2563 ที่ นายอาทิตย์ สุริยะวงศ์ อายุ 40 ปี คนไทยซึ่งพำนักอยู่ในเมืองดับลิน ประเทศสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย ได้มอบอำนาจให้นายพศินทัศน์ สินโสภณเกษม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรื่องละเมิด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายที่ไม่สามารถกลับเข้าประเทศได้

 

จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกข้อกำหนด ข้อ 3 การเปิดช่องทางเข้ามาในราชอาณาจักร ในการใช้ยานพาหนะ ไม่ว่าจะเป็นอากาศยาน เรือรถยนต์ หรือพาหนะใด หรือในการใช้เส้นทางคมนาคมไม่ว่าทางอากาศ ทางน้ำ หรือทางบก เพื่อเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ปิดช่องทางเข้า-ออก , ด่าน , จุดผ่านแดน หรือจุดผ่อนปรน ตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อและกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง สำหรับผู้โดยสารหรือผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร เว้นแต่ (6) เป็นผู้มีสัญชาติไทย ในกรณีเช่นนี้ให้ติดต่อสถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในประเทศที่พำนัก เพื่อออกหนังสือรับรอง หรือมีใบรับรองแพทย์และปฏิบัติตามวรรคสอง โดยให้สถานทูตไทยและสถานกงสุลไทยในต่างประเทศให้ข้อมูล และอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสัญชาติไทยในการเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักร

 

โดยข้อ 3 วรรคสอง ระบุ บุคคลซึ่งได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผันตาม (4) , (5) หรือ (6) ต้องมีใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit To Fly Health Certificate) ซึ่งได้รับการตรวจรับรองหรือออกให้มีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง และเมื่อเข้ามาในราชอาณาจักรแล้วต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคตามที่ทางราชการกำหนดไว้ ในข้อ 11 โดยอนุโลม ซึ่งการออกข้อกำหนดดังกล่าว อาศัยความจากมาตรา 9 ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 1 ที่จำเลยประกาศ

 

 ทั้งนี้ โจทก์ขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนข้อกำหนด ข้อ 3 วรรคหนึ่ง (6) และวรรคสอง ที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาตรา 9 ฉบับลงวันที่ 25 มี.ค.63 ให้เหลือข้อความเพียงว่า "เป็นผู้มีสัญชาติไทย" และ "บุคคลซึ่งได้รับการยกเว้นหรือผ่อนผัน ตาม (4) หรือ (5) ต้องมีใบรับรองแพทย์ ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทางทางอากาศ (Fit To Fly Health Certificate) ซึ่งได้รับการตรวจ"

 

ทั้งขอให้ศาลพิพากษา ห้ามจำเลยหรือผู้ใต้บังคับบัญชา ออกกฎหมายหรือแนวทางปฏิบัติที่มีลักษณะเดียวกับข้อ 3 วรรคหนึ่ง (6) และวรรคสอง รวมทั้งห้ามออกกฎหมายหรือแนวทางปฏิบัติที่บังคับให้บุคคลสัญชาติไทยต้องแสดงเอกสารอื่นใดนอกจากหนังสือเดินทางในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย หรือออกกฎหรือคำสั่งใดๆ อันมีลักษณะห้ามบุคคลสัญชาติไทยเดินทางกลับประเทศไทย หรือให้กลับประเทศไทยได้ แต่ต้องได้รับอนุญาตก่อนและให้ศาลห้ามจำเลยหรือผู้ใต้บังคับบัญชาออกกฎหมาย หรือแนวทางปฏิบัติอื่นใด อันมีผลบังคับให้โจทก์และบุคคลสัญชาติไทยที่พำนักอยู่ในต่างประเทศต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในการเดินทางเข้าประเทศนอกเหนือไปจากการดำเนินการตามปกติ

 

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ข้อกำหนดดังกล่าวออกตาม มาตรา 9, 11 พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ฉบับที่ 1) ซึ่งมาตรา 9 (4) ให้อำนาจ จำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรี ออกข้อกำหนดห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ

 

ดังนั้น ข้อกำหนดข้อ 3 (6) เป็นการออกข้อกำหนดโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย จึงถือไม่ได้ว่า จำเลยกระทำผิดต่อกฎหมายที่จะเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ดังนั้นโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษาให้ยกฟ้อง

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายอาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล ก่อนหน้านี้ ก็ได้เคยยื่นฟ้อง ผอ.กพท. , สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. (CAAT) ต่อศาลปกครองกลางมาแล้ว เพื่อขอให้มีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอน ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่องแนวปฏิบัติสำหรับผู้ดำเนินการเดินอากาศ ที่ทำการบินมายังประเทศไทย ลงวันที่ 19 มี.ค.63 ซึ่งนายอาทิตย์ เห็นว่าส่วนหนึ่งมีเนื้อหาที่กำหนดในข้อ 4 ให้ผู้โดยสารที่มีสัญชาติไทยที่จะเดินทางเข้ามา จะต้องมีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมการเดินทาง (Fit to Fly) และข้อ 5 กำหนดว่า หากพบว่าผู้โดยสาร ไม่สามารถแสดงเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามข้อ 3 (กำหนดให้เวลาที่ผู้โดยสารแสดงตัวออกบัตรเพื่อขึ้นเครื่อง Check in ให้ตรวจใบรับรอบแพทย์ ที่ออกโดยมีระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางซึ่งยืนยันว่ามีการตรวจผู้โดยสารแล้วไม่พบเชิ้อไวรัส COVID-19) หรือ ข้อ 4 ก็ให้ปฏิเสธการขึ้นเครื่องและงดการออกบัตรขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) อันมีผลเป็นการจำกัดเสรีภาพและสร้างภาระเกินสมควแก่ผู้ฟ้องในการเดินทางกลับมายังประเทศไทย รวมทั้งขอให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยทุเลาการบังคับตามประกาศดังกล่าว

 

​​​​​​​ทั้งนี้ ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับฟ้อง โดยเห็นว่า รายละเอียดของข้อกำหนดหลักเกณฑ์ของประกาศการบินพลเรือน มีลักษณะเดียวกันกับข้อกำหนด ข้อ 3 วรรคหนึ่ง (6) และวรรคสอง ซึ่งออกตาพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ (ฉบับที่ 1) มาตรา 9 ที่ประกาศวันที่ 25 มี.ค.63 และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.63 เป็นต้นไป โดยมาตรา 16 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้บัญญัติว่า ข้อกำหนด ประกาศ คำสั่ง การกระทำตามพระราชกำหนดนี้ ไม่อยู่ในบังคับของกฎหมายจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง ข้อพิพาทตามคำฟ้องในคดีนี้ จึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ