หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขอให้ส่วนราชการต่างๆ ปรับลดงบประมาณปี 2563 เพื่อนำไปแก้ไขสถานการณ์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา-2019 (โควิด-19) ต่อมามีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จากของส่วนราชการต่างๆ จำนวน 100,395 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นงบกลางเพื่อแก้วิกฤติจากเชื้อโควิด-19
หั่บงบกองทัพ 1.8 หมื่นล.
สำหรับในส่วนของ กระทรวงกลาโหม ถูกปรับลด งบประมาณกว่า 1.8 หมื่นล้าน บาท หรือวงเงินทั้งหมดที่ปรับลดจำนวน 18,082,941,000 บาท ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2563 ของกระทรวงกลาโหม มีงบทั้งหมด จำนวน 233,353 ล้านบาท ถูกปรับลดกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น
สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้รับจัดสรร 10,350 ล้านบาท ปรับลด 367 ล้านบาท ใน 4 แผนงานคือ 1. แผนงานยุทธศาสตร์รักษาความสงบภายในประเทศ 1 ล้านบาท 2. แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ 101,065,000 บาท 3. แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 35,200,100 บาท 4. แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง 230,165,900 บาท
กองบัญชาการกองทัพไทย ได้รับจัดสรร 17,912 ล้านบาท ปรับลด 1,205 ล้านบาท แบ่งเป็น 1. แผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 10 ล้านบาท 2. แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุก มิติ 1,112,075,700 บาท ซึ่งเป็นส่วนที่ปรับลดมากที่สุด 3. แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 9,400,000 บาท และ 4. แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง 74,420,900 บาท
สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ได้รับจัดสรร 1,252 ล้านบาท ปรับลด 60 ล้านบาท ซึ่งมาจากแผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ
ทบ.ลดงบมากสุด
กองทัพบก (ทบ.) ได้รับการจัดสรรงบ 113,677 ล้านบาท ถูกปรับลดมากที่สุด จำนวน 9,017 ล้านบาท แบ่งเป็น 1. แผนงานบูรณาการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 73,040,000 บาท 2. แผนงานบูรณาการป้องกันปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด 50 ล้านบาท
3. แผนงานยุทธศาสตร์ พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศ 6,283,174,300 บาท ซึ่งเป็นแผนงานที่ปรับลดมากที่สุดของกระทรวงกลาโหม 4. แผนงานยุทธศาสตร์ป้อง กันและแก้ไขปัญหาที่มีผล กระทบต่อความมั่นคง 250 ล้านบาท 5. แผนงานยุทธศาสตร์ ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศ 20 ล้านบาท 6. แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง 2,341,785,200 บาท
ส่วนกระแสดราม่าในกองทัพ กรณีกรมสรรพาวุธทหารบก เผยแพร่เอกสารชี้แจงแผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปีงบประมาณ 2563 เรื่องโครงการยานเกราะสไตรเกอร์ พร้อมระบบอาวุธและการบริการทางเทคนิค ฯลฯ จำนวน 50 คัน วงเงินประมาณ 4,514 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้ทีมโฆษก ทบ.ออกมาชี้แจงว่าโครงการดังกล่าวได้ชะลอการจัดซื้อรถยานเกราะสไตรเกอร์ ที่เดิมทีเป็นโครงการในปีงบประมาณ 2563 ไปเป็นโครงการของปีงบ ประมาณปี 2564 และงบประมาณปี 2565
ที่กรมสรรพาวุธออกมาเผยแพร่ดังกล่าวนั้น เป็นเพียงแผนการจัดซื้อจัดจ้างตามระเบียบของปี 2563 ไม่ใช่การใช้งบปี 2563 นอกจากนี้ กองทัพบกได้หั่นงบประมาณปี 2563 แล้วกว่า 30% ตามที่รัฐบาลสั่งให้นำเงินคืนคลัง เพื่อให้รัฐบาลนำงบประมาณมาช่วยแก้ปัญหาเชื้อโควิด-19 ระบาด
ทร.ชะลองบซื้ออาวุธ
ขณะที่ กองทัพเรือ (ทร.) ได้รับจัดสรร 47,277 ล้านบาท ปรับลด 4,130 ล้านบาท (33%) แบ่งเป็น 1. แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ 3,814 ล้านบาท ซึ่งเป็นแผนงานที่ปรับลดมากที่สุดของกองทัพเรือ 2. แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 57,500,500 บาท 3. แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง 69,150,000 บาท 4. แผนงานบูรณาการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 189,010,000 บาท
แผนงานที่ ทร.ปรับลดมากที่สุด จะเป็นการชะลอโครงการต่างๆ อาทิ โครงการจัดหาเรือดำนํ้า ลำที่ 2 และ 3, โครงการซ่อมปรับปรุงเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำนํ้า, โครงการพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูล Network Centric, โครงการจัดหาเครื่องฝึกจำลองยุทธ์, โครงการจัดหาระบบอาวุธปืนรองฯ และโครงการก่อสร้างอาคารพัก 64 ครอบครัว
ส่วน กองทัพอากาศ (ทอ.) ได้รับจัดสรร 47,882 ล้านบาท ปรับลด 3,301 ล้านบาท แบ่งเป็น 1. แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ 3,094,121,100 บาท ซึ่งเป็นส่วนที่ปรับลดมากที่สุดของกองทัพอากาศ
2. แผนงานยุทธศาสตร์ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 19,950,000 บาท และ 3. แผนงานพื้นฐานด้านความมั่นคง 187,437,300 บาท
ทั้งหมดเป็นงบของกระทรวงกลาโหม ที่ถูกหั่นลงเพื่อนำเงินไปสนับสนุนรัฐบาลในการต่อสู้กับสงครามไวรัสโควิด-19 รวมถึงช่วยเยียวยาภาคส่วนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ จากวิกฤตการณ์ครั้งนี้
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,569 วันที่ 26-29 เมษายน 2563