จากกรณีที่เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 63 นายพงศ์พิชาญ ธนาถิรพงศ์ อายุ 57 ปี ที่อ้างว่าประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ส่วนตัวมาจอดกลางถนน และร้องโวยวายก่อนจะจอดรถขวางหน้าประตู 4 กระทรวงการคลัง เพื่อร้องเรียนขอรับเงินเยียวยา 5,000 บาทก่อนจะเกิดเหตุการณ์ชุลมุน และพยายามปีนรั้วเพื่อไปหานายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้โอนเงิน 5,000 บาทให้ภายในวันนี้ จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานรักษาความปลอดภัยต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์
"ฐานเศรษฐกิจ" ตรวจสอบแฟ้มข่าว ข้อมูลการร้องเรียนของนายพงศ์พิชาญในลักษณะเดียวกันนี้หรือใช้ความรุนแรงกว่านี้มาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน หรือในรอบ 10 ปี รวมมากกว่า 20 ครั้ง
แต่กรณีใหญ่ๆนั้น สังคมเริ่มรู้จักนายพงศ์พิชาญ ครั้งงแรกเมื่อ 11 มิถุนายน 2550 ในสมัยรัฐบาลขิงแก่ ที่มีพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเรียกร้องว่าถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ให้มีสิทธิอาศัยอยู่บ้านเอื้ออาทร โดยวิธีการเรียกร้องคือ ขับแท็กซี่สีบานเย็นหมายเลขทะเบียน ทพ 7355 กทม. ของสหกรณ์แท็กซี่ไทย มาจอดที่หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยตัวเองนั่งในรถ กอดถังแก๊สกระปุ๊กลุก พร้อมปืนจุดเตาแก๊สและมีสปาต้า เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำทำเนียบรัฐบาลกว่า 10 นาย เตรียมถังดับเพลิง โล่ ปิดประตูทางเข้าทำเนียบโดยทันที และกำชับให้ระวังว่าจะเกิดระเบิด พร้อมกับให้ระวังการสูบบุหรี่ ทั้งนี้เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที ชายคนดังกล่าวก็ได้ยกมือไหว้และขับรถออกไปโดยไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอะไร
อีกกรณี วันที่ 7 ก.พ. 51 ในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวชา เปลี่ยนมาขับรถแท็กซี่คันใหม่ สีแดง-ฟ้าคัน หมายเลขทะเบียน 9ท. 2009 มาจอดหน้าทำเนียบรัฐบาล จอดนิ่งและติดเครื่องไว้ พร้อมกับกดแตรบีบดังลั่น แต่ไม่ยอมเปิดกระจกเจรจา แต่เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามว่าต้องการที่จะประท้วงอะไร จึงลดกระจกลงและบอกว่าที่มาวันนี้เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีปราบปรามการทุจริตในการเคหะแห่งชาติ โดยเฉพาะบ้านเอื้ออาทรที่มีผู้ใหญ่ในการเคหะแห่งชาติได้ผลประโยชน์
วันที่ 31 ก.ค. 52 ในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขับรถแท็กซี่สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทย 2474 กรุงเทพมหานคร ฝ่าจุดตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประตู 8 เชิงสะพานมัฆวาฬรังสรรค์ เข้ามาจอดด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 ซึ่งเป็นที่ทำงานของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ พร้อมเร่งเครื่องและบีบแตรเสียงดัง แต่ไม่ยอมเจรจา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องนำยางรถยนต์มากั้นทั้ง 4 ด้านและนำแผงเหล็กมากั้นด้านหน้ารถ จากนั้นโชเฟอร์จึงยอมเอ่ยปากว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการสร้างสะพานข้าม 5 แยกลาดพร้าวของกรุงเทพมหานครที่สร้างผิดแบบ ทำให้รถตนเกิดอุบัติเหตุและไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหายให้กับเจ้าของอู่รถแท็กซี่ประมาณ 7,500 บาท จึงต้องการมาร้องเรียนต่อนายอภิสิทธิ์ เพื่อขอให้ทางกรุงเทพมหานครรับผิดชอบและเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว
วันที่ 12 มี.ค. 53 ขับแท็กซี่ ทะเบียน ทล 3240 สีชมพู พยายามฝ่าด่านเพื่อจะเข้าพรรคประชาธิปัตย์ และบีบแตรเสียงดังลั่น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องล้อมรถ และสอบถามทราบความในภายหลังว่าต้องการเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามคดีของหายที่คดียังไม่คืบหน้า
วันที่ 30 เม.ย. 53 เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มเสื้อหลากสี มาที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) ที่มายื่นหนังสือให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หลังจากกลุ่มเสื้อหลากสีอ่านแถลงการณ์จบ เกิดเสียงโวยวายจากนายพงศ์พิชาญ ที่ขับรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน พล 3240 กรุงเทพมหานคร มาในครั้งนั้นด้วย นายพงศ์พิชาญเดินลงมาจากรถ และได้ตะโกนว่า “ผมถูกทหารทำร้าย ทหารกระชากผมลงจากรถและกระทืบผม แต่มีตำรวจช่วยผมไว้” พร้อมชูเอกสารการเข้าแจ้งความที่สน.พลับพลาไชย ที่ระบุว่าถูกทหารทำร้ายร่างกาย พร้อมกับจอดรถขวางการจราจรด้านหน้าประตูทางเข้าร.11 รอ. และบีบแตรลั่นเสียงดังหลายครั้ง
วันที่ 29 มิ.ย. 53 โชเฟอร์แท็กซี่คนดังกล่าว ไปที่กระทรวงยุติธรรม ร้องทุกข์ต่อกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มาติดตามเรื่องที่เคยยื่นร้องกรณีถูกเจ้าหน้าที่ยิงแขนซ้ายทะลุขณะร่วมชุมนุมกับเสื้อแดงบริเวณซอยรางน้ำ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2553 และถูกชายฉกรรจ์ทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสจนตาซ้ายบวมปูด
ซึ่งวันนั้นที่กระทรวงยุติธรรม มีการประชุมพิจารณาจ่ายค่าตอบแทนและค่าชดเชยให้กับผู้เสียหายในคดีอาญาจากการชุมนุมทางการเมืองด้วย นายพงศ์พิชาญ ขึ้นไปนั่งรอหน้าห้องประชุม กระทั่งประชุมเลิก และได้บุกเข้าไปหาคณะกรรมการ แล้วร้องไห้โวยวาย ขึ้นไปยืนอยู่ตรงบันได ชั้น 8 ทำท่าจะกระโดดลงมาเพื่อฆ่าตัวตาย เจ้าหน้าที่ต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าจะยอมลงมาและนำตัวไปสงบสติอารมณ์ในห้องประชุมพร้อมทั้งอธิบายขั้นตอนการดำเนินคดีต่างๆ จนเข้าใจ
ต่อมา ช่วงบ่าย วันที่ 8 ก.ย. 53 นายพงศ์พิชาญ ปรากฏตัวอีกครั้ง พร้อมกับสวมเฝือกที่แขนซ้าย ละปิดผ้าก็อตที่ตาซ้าย ได้ปีนเสาไฟฟ้าหน้าอาคารรัฐสภา(เขตดุสิต) และโยนใบปลิวที่เคยทำเรื่องร้องเรียนต่อหน่วยงาน รวมทั้งพรรคการเมืองต่างๆ ลงมา พร้อมกับตะโกนโวยวายอ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจปีนเสาประท้วง
วันที่ 15 พ.ค. 54 ขับแท็กซี่สีชมพูมาที่พรรคประชาธิปัตย์ ประชิดตัวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคฯ ร้องเรียนว่ารถแท็กซี่ที่ขับ ถูกปาหินใส่ ดำเนินคดี16 วัน แต่คดีไม่มีความคืบหน้า เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเฝ้าม็อบ
ต่อมา วันที่ 8 มิ.ย. 54 เกิดกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในช่วงที่ไปหาเสียงที่ชุมชนบ้านครัว สี่แยกอุรุพงษ์ ปรากฏว่านายพงศ์วิชาญ ขับรถแท็กซี่สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทร-5515 กรุงเทพมหานคร มาจอดขวางหน้ารถตู้ส่วนตัวของนางสาวยิ่งลักษณ์ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พรรคต้องเข้าไปเกลี้ยกล่อมให้นายพงศ์วิชาญนำรถออกไป
ระบุว่าจะมาร้องเรียนที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นใช้ก้อนหินขว้างใส่กระจกรถจนได้รับบาดเจ็บพร้อมกับลูกสาว ซึ่งเคยไปร้องเรียนกับพรรคประชาธิปัตย์และที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วแต่ไม่ได้รับความสนใจ คดีก็ไม่คืบหน้าทั้งๆ ที่ทราบตัวคนร้ายแล้วว่าเป็นใครจึงมาขอร้องให้นางสาวยิ่งลักษณ์ช่วยเหลือ
วันที่ 24 พ.ค. 55 วันเปิดลงทะเบียนและตรวจสอบเอกสารรายชื่อผู้เสียหายจากเหตุความรุนแรงทางการเมืองตามหลักมนุษยธรรม นายพงศ์พิชาญ ขับรถแท็กซี่ สีชมพู ทะเบียน ทย 9522 ขับมาจอดพร้อมกดเสียงแตรรถเสียงดังลั่น เพื่อเรียกร้องขอรับเงินเยียวยา ถัดมาไม่นาน 15 มิ.ย. 55 มีรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน ทย 9522 กทม. ของนายพงศ์พิชาญ ขับเข้ามาวนรอบสนาม ที่สถานสงเคราะห์เด็กหญิงบ้านราชวิถี บีบแตรอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่พอใจที่ได้รับเงินเยียวยาน้อยกว่าที่คิดว่าจะได้รับ
ทำให้ วันที่ 10 ก.ค. 55 ว่า นายพงศ์พิชาญ ขับรถแท็กซี่สีชมพู บุกเข้ามาภายในทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง และจอดรถไว้บริเวณด้านหน้าตึกบัญชาการ เพื่อเรียกร้องเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง โดยอ้างว่าได้รับการจ่ายเงินเพียงเหตุการณ์เดียว ทั้งที่ตนเอง ได้รับผลกระทบถึง 2 เหตุการณ์
วันที่ 14 ส.ค. 2555 นายพงศ์พิชาญ ขับรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน ทย 9522 กทม. บุกเข้ามาบริเวณชั้น 2 ทางเข้าห้องประชุมรัฐสภา โดยได้เฉี่ยวชนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และนั่งอยู่ในรถได้เอามีดปลายแหลมจ่อคอตัวเองพร้อมกับยื่นข้อเรียกร้องขอพบพล.ต.อ.วิรุฬห์ พื้นแสน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องการจ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี 2553
ขณะเดียวกันมีการนำเอกสารการรับเงินของนายพงศ์พิชาญจำนวนหนึ่งมาแสดงต่อสื่อมวลชนด้วย เพื่อเป็นการยืนยันนายพงศ์พิชาญได้รับเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ต่อมา วันที่ 27 ส.ค. 55 ว่านายพงศ์พิชาญ พยายามขับรถแท็กซี่พุ่งชนรั้ว และแผงเหล็ก อาคารรัฐสภา ภายในรถได้มีถังแก๊ส และน้ำมัน และขู่จุดไฟเผาตัวเอง เพื่อเรียกร้องเงินจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่ม นปช.เมื่อปี 2553
และวันที่ฮือฮาและอุกอาจมากอีกครั้งของนายพงศ์พิชาญ คือ วันที่ 25 ต.ค. 55 เกิดเหตุระทึกขณะที่ขบวนรถของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี วิ่งออกจากรัฐสภา ถนนอู่ทองใน เพื่อเดินทางไป เมืองทองธานี ปรากฏว่านายพงศ์พิชาญขับรถแท็กซี่ สีชมพู ทะเบียน ทย 9522 กรุงเทพมหานคร ดักรออยู่ที่ลานพระรูปทรงม้า
เมื่อขบวนรถนายกฯผ่านมาถึง รถแท็กซี่คันดังกล่าววิ่งเปิดไฟฉุกเฉินแล้วพุ่งชนมาที่ขบวนรถของนายกฯ และได้จอดรถทันที แล้วลงมาชูป้ายกระดาษที่มีข้อความเรียกร้องนายกรัฐมนตรี เพื่อขอรับเงินเยียวยา
ขณะที่ขบวนรถของนายกฯ วิ่งเบี่ยงหลบไป แต่นายพงศ์พิช่ญก็ขับรถวิ่งไล่กวดจนมาทันขบวนรถของนายกฯ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ขับแซงเข้ามาเพื่อจะปาดหน้า และไล่บี้วิ่งสวนเลนจราจร และเร่งเครื่องหวังที่จะเข้าตัดหน้าขบวน
รถทีมตำรวจรักษาความปลอดภัย 191 วิ่งประกบติดและสกัดเพื่อให้รถแท็กซี่หยุด แต่รถแท็กซี่ยังไม่หยุด โดยพยายามวิ่งสวนเลนเพื่อจะตัดหน้าขบวนนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ทีมรักษาความปลอดภัยต้องนำรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เข้าสกัดและเข้าจับกุมตัวนายพงศ์พิชาญ ไปยังสน.นางเลิ้ง เพื่อสอบสวนก่อนดำเนินคดีต่อไป