จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กับพวก กรณีถูกกล่าวหาว่าทุจริตจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในพื้นที่เขตการศึกษา จ.นครราชสีมา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวม 7 สำนวน และส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด (อสส.)
ต่อมามีการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างฝ่ายอัยการ และฝ่ายคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในสำนวนแรกคือพื้นที่เขตการศึกษาที่ 2 จ.นครราชสีมา เพื่อพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ ส่วนอีก 6 สำนวนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด (อสส.) นั้น
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในคณะทำงานร่วมฯ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า คดีนี้คณะทำงานร่วมฯ ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 77 ถ้า อสส.ได้รับสำนวนแล้วต้องฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายใน 180 วัน แต่ถ้ามีการตั้งคณะทำงานร่วมฯ ต้องพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ให้เสร็จภายใน 90 วัน ขยายเวลาได้ไม่เกินกึ่งหนึ่งหรือไม่เกิน 45 วัน และต้องคำนึงถึงอายุของคดีความด้วย
แหล่งข่าวกล่าวว่า คดีนี้สำนวนแรกได้ต่ออายุมาแล้วหนหนึ่ง เท่ากับว่าตามกำหนดฝ่ายอัยการจะต้องมีความเห็นว่าควรสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้องภายใน 27 พ.ค. 2563 แต่ถ้าดำเนินการไม่เสร็จจะต้องระบุเหตุผลว่าเกิดจากอะไร ส่วนอีก 6 สำนวนหลัง อยู่ระหว่างการพิจารณาของ อสส. ที่ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 77 เช่นกัน โดยคาดว่าหากมีการชี้ขาดสำนวนแรกมา จะเป็นแนวทางในการดำเนินการกับอีก 6 สำนวนที่เหลือ
สำหรับประเด็นในสำนวนแรกที่ถูกตั้งข้อไม่สมบูรณ์มีประมาณ 9-10 ประเด็น ส่วนใหญ่เป็นประเด็นยิบย่อย เช่น ใบโควตาการจัดสรรเงินให้ ส.ส. มีที่มาที่ไปอย่างไร เบื้องต้นคณะทำงานร่วมฯ ฝ่าย ป.ป.ช. ดำเนินการเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้ว และที่ผ่านมาคณะทำงานร่วมฯ ฝ่าย ป.ป.ช. ได้นัดประชุมเรื่องนี้เพื่อให้ได้ข้อยุติในวันที่ 20 พ.ค. 2563 ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายอัยการขอเลื่อน โดยระบุเหตุผลว่า มีการเปลี่ยนผู้รับผิดชอบสำนวน จึงต้องรวบรวมข้อมูลอีกครั้ง
อย่างไรก็ดีตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. คณะทำงานร่วมฯ ฝ่ายอัยการจะต้องมีการชี้ขาดภายใน 27 พ.ค. 2563 ไม่อย่างนั้นจะเกินขอบเขตของกฎหมายได้ โดยหากพบว่าการไม่ปฏิบัติตามระยะเวลาดังกล่าวเกิดจากการจงใจ ปล่อยปละละเลย หรือประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใด จะถูกลงโทษได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีทุจริตจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในพื้นที่เขตการศึกษาที่ 2 จ.นครราชสีมานั้น ตามสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งประกอบด้วยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการระดับสูง และกลุ่มเอกชน มีพฤติการณ์ร่วมกันทุจริตเชิงนโยบาย และเป็นตัวการร่วมกันในลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำ ตามบทบาทตามหน้าที่และอำนาจที่แต่ละคนมี และเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการกระทำความผิด โดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ และเอกชนร่วมดำเนินการอย่างเป็นระบบและเป็นกระบวนการโดยทุจริต
เริ่มจากขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบประมาณปี พ.ศ. 2555 (งบแปรญัตติ) ให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอื่น รวมจำนวน 18 จังหวัด วงเงินประมาณ 4,459,420,000 บาท ใน 2 โครงการหลัก หนึ่งในนั้นคือ โครงการก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอล รวมถึงมีการวางแผนในการทุจริตในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างอีกหลายประการ เพื่อให้กลุ่มเอกชนที่เป็นพรรคพวกของตนเองได้เข้าเป็นคู่สัญญา และการก่อสร้างสนามกีฬาฟุตซอลไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงตรงตามวัตถุประสงค์
ส่วนพฤติการณ์ของ นายวิรัช กับพวก ป.ป.ช. ระบุไว้ในสำนวนว่า ในช่วงที่มีการจัดทำงบประมาณปีงบประมาณ 2555 นายวิรัช รัตนเศรษฐ และนางทัศนียา รัตนเศรษฐ (เมื่อครั้งเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย) และนางทัศนาพร เกษเมธีการุณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลห้วยแถลง ซึ่งเป็นน้องสาวนางทัศนียา รัตนเศรษฐ ได้สั่งการให้พวกของตน เข้าไปประสานกับผู้อำนวยการโรงเรียนต่าง ๆ ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 2 เพื่อจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลให้ โดยเข้าไปครอบงำ บงการการใช้จ่ายงบประมาณในวงเงินดังกล่าวโดยปราศจากอำนาจตามกฎหมาย
ต่อมานายวิรัช กับพวก ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดเพิ่มเติมในคดีดังกล่าวอีก 6 สำนวน ในพื้นที่เขตการศึกษา จ.นครราชสีมา โดยปรากฏชื่อของน้องชาย อดีต ส.ส.ชื่อดังใน จ.นครราชสีมา ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาด้วย ปัจจุบันได้ส่งสำนวนพร้อมรายงานความเห็นให้แก่อัยการสูงสุด (อสส.) แล้ว