วันนี้ (22 มิ.ย.2563) เวลา 10.00 น. มีการพิจารณาคดี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ จ้างวานอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ห้องพิจารณาคดี 703 ชั้น 1 ซึ่งเป็นห้องใหญ่ที่ไว้ใช้พิจารณาในคดีสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน และศาลได้จัดถ่ายทอดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ให้สื่อมวลชนได้รับชมการพิจารณาวันนี้ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายภาพแต่อย่างใด
เวลาประมาณ 07.30 น. รถเรือนจำบางขวางที่มี พ.ต.ท.บรรยิน และพวกบนรถ ได้ออกจากเรือนจำบางขวางและมาถึงศาลทุจริตฯ ในเวลา 08.10 น. โดยขบวนรถนั้นมีรถของกองปราบปราม นำมาพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน ประมาณ 20 นาย ในรถจำนวน 7 คัน ในการคุมตัวมายังศาล
เวลา 10.30 น. เจ้าหน้าที่ศาลได้เบิกตัว พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 เข้ามาภายในห้องพิจารณา พร้อมกับทีมทนายความ 3 คน ซึ่ง พ.ต.ท.บรรยิน สวมชุดนักโทษ ตัดผมสั้นเกรียน เดินเข้ามาโดยถือหน้ากากอนามัย ตีตรวนที่เท้า ไม่ได้สวมใส่กุญแจมือ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มตามปกติ ไม่มีทีท่ากังวลหรือเครียด และเมื่อมานั่งก็ได้ตรวจพยานหลักฐานที่ทางทนายความเตรียมมา จำนวน กว่า 2 ลังใหญ่ ประมาณ 10 กว่าแฟ้ม ซึ่งคาดว่ามีเอกสารในนั้นประมาณ 4,000 หน้า ส่วนการรักษาความปลอดภัยมีตำรวจจากหน่วยหนุมาน กองปราบราม และเจ้าพนักงานตำรวจศาล นั่งกระจายรอบๆ ห้องพิจารณา
ต่อมาเวลา 10.45 นาที ศาลจึงเริ่มขึ้นบัลลังก์พิจารณา โดยโจทก์ได้ยื่นพยานหลักฐาน และ น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาในฐานะผู้เสียหาย ยื่นขอเป็นโจทก์ร่วม ศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาต ส่วนฝ่ายจำเลยยื่นขอเลื่อนตรวจหลักฐาน โดยอ้างยังอ่านเอกสารพยานหลักฐานไม่แล้วเสร็จ พร้อมยืนยันให้การปฏิเสธ ระบุว่าถูกจำเลยที่ 2-6 ให้ร้ายกลั่นแกล้ง ในวันเกิดเหตุตนไม่อยู่ในเหตุการณ์ และขอปรึกษาภรรยาและลูกสาว
นอกจากนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ยังแถลงด้วยว่า อยู่ในเรือนจำไม่มีที่เก็บเอกสาร ไม่ได้อ่านสำนวนเลย "ถูกจับขังเดี่ยว ถูกใส่ตรวนตลอดเวลา ปฎิบัติเยี่ยงสัตว์" ไม่มีโอกาสดูเอกสารทั้ง 10 แฟ้ม จะให้ทนายทำให้ก็จะเสียเปรียบ เพราะทนายไม่ได้ไปอุ้มกับตนด้วย รวมทั้งหลักฐานที่เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิดที่ต้องใช้เครื่องมือตรวจสอบ ถ้าได้ประกันตัวตนรับได้ เนื่องจากต้องไปสืบพยานที่ศาลอาญาพระโขนงทุกสัปดาห์ (คดีฆ่านายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง) ต้องเตรียมต่อสู้คดีนั้น จนไม่ได้มาสนใจคดีนี้
"ยังมีข่าวเรื่องผมจะแหกคุก ผมไม่รู้เรื่อง ผมอยู่ในเรือนจำ ถูกพันธนาการตลอดจนเครียดมากถึงขั้นผูกคอตาย และทนายที่ดูคดีนี้ไม่ได้เดินทางมาในวันนี้ด้วย"
ทางศาลชี้แจงว่าศาลใช้ระบบไต่สวน สามารถซักถามพยานได้ และแจ้งว่า การพิจารณาครั้งนี้เป็นความลับ และเพื่อรักษาความปลอดภัย รวมทั้งความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาล จึงไม่ให้ผู้ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งภรรยาและลูกสาวของจำเลยด้วย แม้ว่าจะเป็นผู้ช่วยทนายก็ตาม ซึ่งหากจะปรึกษากับภรรยาและลูกสาว เป็นเรื่องทางเรือนจำจะจัดการ แต่สามารถนั่งฟังในห้องที่ถ่ายทอดภาพและเสียงที่ศาลจัดไว้ให้ได้
ส่วนการตรวจพยานหลักฐานจำเลยที่ 2-6 ที่ศาลนัดหมายไว้วันที่ 25 มิ.ย.นี้ ทนายจำเลยขอเลื่อนไปก่อนเนื่องจากยังตรวจสำนวนไม่แล้วเสร็จ และมีเอกสารจำนวนมาก แต่ศาลไม่อนุญาตเนื่องจากได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า และได้ขอคัดเอกสารไว้ก่อนหน้าแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากศาลได้ลงจากบัลลังก์ พ.ต.ท.บรรยิน ได้พูดคุยกับทีมทนายความเสียงดัง จนทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตักเตือน ซึ่งทำให้มีการโต้เถียงกันเล็กน้อย โดยภายหลังเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว พ.ต.ท.บรรยิน ขึ้นรถเรือนจำฯ โดยพ.ต.ท.บรรยิน ได้นั่งอยู่ฝั่งขวาของรถ ซึ่งเป็นฝั่งเดียวกับกลุ่มสื่อมวลชน ตั้งแนวบันทึกภาพขบวนรถออกจากพื้นที่ศาลไป
แต่เมื่อสื่อมวลชนนำภาพมาขยายดู ต่างพากันตีความกันต่างๆนานาว่า พ.ต.ท.บรรยิน ชูนิ้วกี่นิ้วกันแน่ บางสำนักบอก 2 นิ้ว บางสำนักบอกว่าทำท่าโอเค และบางสำนักบอกว่าชู 3 นิ้ว ซึ่งเป็นภาพชู 3 นิ้วที่ทีมช่างภาพฐานเศรษฐกิจบันทึกภาพไว้ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"บรรยิน"ผูกคอหวังฆ่าตัวตายแต่จนท.ช่วยทัน
เปิดเบาะแส "บรรยิน" วางแผนแหกคุก
"บรรยิน" วางแผน "แหกคุก" พล็อตหนัง หรือ เรื่องจริง
"บรรยิน" มีแผน "แหกคุก" จริงไหม ฟังจากปาก "อธิบดีกรมราชทัณฑ์"
สำหรับคดีอุ้มฆ่าคดีนี้นี้ พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ทั้งหมด 6 คน โดยมี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อายุ 56 ปี อดีต รมช.พาณิชย์ จะเลยที่ 1 , นายมานัส ทับทิม อายุ 67 ปี , นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ อายุ 48 ปี , นายชาติชาย เมณฑ์กูล อายุ 31 ปี , นายประชาวิทย์ หรือตูน ศรีทองสุข อายุ 33 ปี และ ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ อายุ 63 ปี ซึ่งจำเลยที่ 1-6 ในความผิด 9 ข้อหา
1.ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา (ป.อ.) มาตรา 289
2.ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้ใดเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ เป็นเหตุให้ผู้ถูกเอาตัวไปถึงแก่ความตาย มาตรา 309, 313
3.ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มาตรา 310
4.ฐานร่วมกันข่มขืนใจเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติการอันมิชอบด้วยหน้าที่โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป มาตรา 139,140
5.ฐานเป็นซ่องโจร โดยสมคบกันเพื่อกระทำผิดที่มีระวางโทษประหารชีวิต มาตรา 210
6.ฐานร่วมกันพยายามข่มขืนใจผู้อื่น ให้กระทำการใดโดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปมาตรา 213
7.ฐานร่วมกันซ่อนเร้น ทำลายศพเพื่อปิดบังการตายและสาเหตุการตาย มาตรา 199
8.ฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นเพื่ออำพรางคดี ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 150 ทวิ
9.ฐานร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงาน มาตรา 145 ประกอบป.อ.มาตรา 33,80,83,91,92
นอกจานี้ยังยื่นฟ้อง พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยที่ 1 ข้อหาที่ 10 คือ ฐานสวมเครื่องแบบหรือประดับเครื่องหมายของเจ้าพนักงาน เพื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิและแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิเพื่อกระทำผิดอาญา มาตรา 146