แผนแหกคุก "บรรยิน" "ใช้ฮ.ชิงตัว-ระเบิดเรือนจำ แค่คุยโม้-กุเรื่อง

24 มิ.ย. 2563 | 12:20 น.

รองผบก.กองปราบปราม เผยผลสอบ แผนแหกคุก "ใช้ฮ.ชิงตัว-ระเบิดเรือนจำ" ชิงตัว "บรรยิน" แค่คุยโม้-กุเรื่องของลูกน้อง 2 คน

วันนี้ (24 มิ.ย.) ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.กองปราบปราม กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการวางแผนชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ ผู้ต้องขังคดีร่วมกันอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ ว่า ที่  นายสุธน หรือ โจ ทองศิริ อายุ 42 ปี และ นายณัฐพล หรือ ท๊อป นรการ อายุ 30 ปี ลูกน้อง พ.ต.ท.บรรยิน  อ้างว่าจะใช้แหกคุก เป็นเพียงคำให้การของผู้ต้องหาที่คุยโม้ว่าจะมีการใช้เฮลิคอปเตอร์ในการชิงตัว รวมถึงมีการระเบิดกำแพงล้มเสาธงชาติเท่านั้น 

พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.กองปราบปราม

"ในประเด็นเหล่านี้พนักงานสอบสวนไม่ได้เชื่อตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว และไม่ได้บันทึกเป็นปากคำไว้ และต่อมาทั้งคู่ก็ยอมรับแล้วว่ากุเรื่องขึ้นมาให้ดูน่ากลัว" พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ กล่าว

แต่ล่าสุด ทั้งคู่ยอมรับแค่ว่ามีการวางแผนเพื่อชิงตัว พ.ต.ท.บรรยิน บนทางด่วนระหว่างที่ พ.ต.ท.บรรยิน ออกมาขึ้นศาล และหากทำไม่สำเร็จก็ให้ไปอุ้มตัวภรรยาของ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อต่อรองให้ปล่อยตัว พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งทั้งสองกรณีตำรวจกองปราบมีหลักฐานยืนยันการกระทำความผิดของ พ.ต.ท.บรรยิน ชัดเจน

พ.ต.อ.เอนก  กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้เรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวไปแล้วหลายปาก โดยมีพยานแวดล้อมที่อยู่ในส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหา 2 คน คือ นายสุธน  และ นายณัฐพล ที่ถูกจับไปก่อนหน้านี้ ในคดีลักทรัพย์ และกรรโชกทรัพย์ตามลำดับ ซึ่งทั้งคู่ถือเป็นพยานปากเอก รวมถึงพยานในส่วนของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ซึ่งทั้งหมดให้การไปในทิศทางเดียวกันว่า พ.ต.ท.บรรยิน และพวก พยายามวางแผนก่อเหตุแหกคุกจริง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เบื้องหลัง "บรรยิน" สู้คดีอุ้มฆ่า โวย "ถูกปฎิบัติเยี่ยงสัตว์"

ลูกสาว "บรรยิน" เครียดหนัก

นายกฯอึ้งแผนแหกคุก "บรรยิน" สงสัยดูหนังมากไป

ออกหมายเรียก ลูกชาย "บรรยิน"พร้อมคนสนิทสอบวางแผนแหกคุก

พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อว่า คดีนี้จะมีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.บรรยิน เพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะถือว่าได้กระทำความผิดรวม 4 ข้อหา ประกอบด้วย “เป็นผู้ใช้จ้างวานหรือสนับสนุนผู้อื่นให้กระทำผิด, ข่มขืนใจเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 139, ให้ความช่วยเหลือผู้ต้องขังเพื่อหลบหนี ตามมาตรา 191 และหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น ตามมาตรา 309-310” 

แม้ว่าการกระทำความผิดจะยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็ถือว่าเป็นการจ้างวานที่มีการจ้างสำเร็จไปแล้ว ซึ่งถือว่าความผิดได้เกิดขึ้นแล้ว มีโทษจำนวน 1 ใน 3 ของโทษทั้งหมด แต่ในส่วนของ นายสุธน และ นายณัฐพล นั้น รับว่าจ้างมาจาก พ.ต.ท.บรรยิน แต่ยังไม่ได้ลงมือก่อเหตุตามที่ได้รับว่าจ้างมา จึงถือว่าการกระทำความผิดยังไม่เกิดขึ้น พนักงานสอบสวนจึงกันไว้เป็นพยานเพื่อเอาผิดกับ พ.ต.ท.บรรยิน โดยไม่ได้แจ้งข้อหากับทั้งสองคน

พ.ต.อ.เอนก กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ตำรวจกองปราบยังได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาทั้งสองคน พบชัดเจนว่ามีการรับโอนเงินจาก พ.ต.ท.บรรยิน หลังจากรับว่าจ้างแล้ว ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ และยังพบว่ามีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคลอื่นนอกจาก นายสุธน และ นายณัฐพล อีกด้วย ซึ่งกำลังตรวจสอบว่าจะมีผู้ร่วมกระทำผิดเพิ่มเติมหรือไม่

ส่วนการออกหมายเรียกพยานอีก 3 คน ได้แก่ ทนายความที่ประกันตัว นายสุธน, นายวรากรณ์ ตั้งภากรณ์ ลูกชาย พ.ต.ท.บรรยิน และ พ.ต.ท.นุกูล แสงศิริ อดีต ส.ส.เขต 4 จังหวัดนครสวรรค์ นั้น พนักงานสอบสวนได้ส่งหมายเรียกไปแล้วว่าให้มาเข้าพบเพื่อปากคำในฐานะพยาน คาดว่า ไม่เกินสัปดาห์นี้จะเข้ามาให้การ

ล่าสุด มีรายงานว่า พยานบุคคลทั้ง 3 ราย ที่พนักงานสอบสวนเรียกสอบสวนนั้น เบื้องต้นได้นัดหมาย พ.ต.ท.นุกูล และทนายความที่ประกันตัว นายสุธน ให้มาให้ปากคำในวันที่ 29 มิ.ย. ส่วน นายวรากรณ์ ให้มาพบพนักงานสอบสวนใน วันที่ 1 ก.ค. แต่จนถึงขณะนี้มีการตอบรับหมายเรียกกลับมาแค่ทนายความเพียงคนเดียวเท่านั้น อีก 2 คน ยังไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด