รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 30 มิ.ย.63 ซึ่งเป็นการประชุมนัดส่งท้ายครึ่งปี 63 ที่รัฐบาลเผชิญศึกหนักมากมายตลอดครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ทั้งพิษเศรษฐกิจสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ปัญหาเบล็กซิท ปัญหาฝุ่น PM2.5 ปัญหาภัยแล้ง และสถานการณ์โรคระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด19 ที่หนักหน่วงไปจนถึงครึ่งปีหลังในแง่ของการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
โดยรายงานข่าวเปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจ ว่า การประชุมครม.นัดนี้ใช้เวลานานพอสมควร เนื่องจากมีวาระในการพิจารณาจำนวนมากล้วนเป็นเรื่องใหญ่ ทั้งการต่ออายุพรก.ฉุกเฉินและคลายล็อกเฟส 5 ตามมติศบค. การพิจารณามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว การเยียวยากลุ่มเปราะบางที่ ฯ และเรื่องอื่นๆ จึงทำให้การประชุมล่วงเลยมาจนถึงเวลาเกือบ 13.00 น.
ช่วงท้ายของการประชุมมีช่วงหนึ่งที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวขึ้นมาในที่ประชุมครม.ก่อนเลิกประชุมว่า ช่วงที่ผ่านมาทั้งช่วงที่กำลังเผชิญและหลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย เขาไปพบปะกับภาคเอกชนกลุ่มต่างๆ เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนปัญหา พบว่าภาคเอกชนก็ยังกังวลกับเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ที่ทำให้เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยตอนนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการจ้างงานในประเทศ แต่ขณะเดียวกันภาคเอกชนเขากังวลก็เรื่องสถานการณ์ทางการเมืองด้วยเช่นกัน
รายงานข่าวระบุด้วยว่า นายสมคิด กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้สิ่งที่เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องทำคือทำให้รัฐบาลมีความน่าเชื่อถือ สถานการณ์มีความ "นิ่ง" สิ่งที่จะทำให้ได้คือการทำหน้าที่การสื่อสารในเรื่องของการแก้ไขปัญหาต่างๆที่รัฐบาลกำลังทำตรงนี้ออกไปสู่ประชาชนเพื่อสร้างความมั่นใจ ซึ่งไม่ใช่แค่การสื่อสารชี้แจงหรือแถลงแค่รายวัน หรือพูดตอบโต้ไปมาในประเด็นการเมือง รัฐบาลต้องเอาข้อเท็จจริงให้คนรู้ เพราะมีเฟคนิวส์ต่างๆค่อนข้างเยอะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดมติครม. "เราเที่ยวด้วยกัน-กำลังใจ" ปลุกท่องเที่ยว ฟื้นศก. 7 แสนล้าน
ครม.เคาะหยุดชดเชยสงกรานต์ 27 ก.ค. 63
ครม.เห็นชอบ ต่อ "พรก.ฉุกเฉิน" ถึง 31ก.ค.63 คลายล็อกเฟส 5 เปิดกิจการเสี่ยงสูง1ก.ค.นี้
"เยียวยากลุ่มเปราะบาง"จ่ายครั้งเดียว3000 บาทภายใน 20 ก.ค.นี้
"แต่ปัญหาตอนนี้ ไม่รู้ว่าใครจะทำหน้าที่ในการสื่อสารข้อมูลของรัฐบาลออกไปให้ประชาชนเชื่อถือ" รายงานข่าวอ้างคำพูดของนายสมคิด
รายงานข่าวระบุด้วยว่าหลังจากนายสมคิดกล่าวสั้นๆ โดยไม่ได้ระบุชื่อของใคร แต่ใช้คำพูดนิ่มๆสไตล์นายสมคิดแต่ก็ทำให้ห้องประชุมครม.ช่วงนั้นเงียบทั้งห้องชั่วขณะ ไม่มีใครแสดงความคิดเห็นหรือพูดอะไรต่อ