ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (8 ก.ค.63) ที่หมวดบิน C หน่วยบินเดโชชัย 3 ภายในพื้นที่กองบิน 6 (บน.6 ดอนเมือง) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวต่ออายุราชการโดยได้หัวเราะในลำคอ ก่อนจะตอบว่า จากใจตนและตนถามตัวเองอยู่เสมอว่า อย่างแรกเราเป็นทหารอาชีพ และ 2.แนวทางการรับราชการถูกกำหนดไว้ชัดเจนว่า จะต้องเกษียณอายุราชการ บางคนพยายามไปขุดคุ้ยว่า มีอยู่ 2 คน ประสบความสำเร็จในการต่ออายุราชการ ซึ่งไม่ใช่ ดังนั้น อย่าไปสร้างกระแส ในส่วนของตนนั้นปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงกลาโหมและระเบียบในการเกษียณอายุราชการ รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกคนที่จะเกษียณอายุราชการ
"เราคุยกันในการประชุม ผบ.เหล่าทัพ เราก็หารือกันว่า ข่าวพวกนี้ ไม่ใช่ข่าวเชิงสร้างสรรค์ จะทำให้เกิดความขัดแย้ง ผมมองแล้วไม่มีสาระและไม่มีข้อเท็จจริงใดๆทั้งสิ้นเลย และวันที่ 30 กันยายน 2563 ผมก็ส่งธงตำแหน่ง ผบ.ทบ. และถือว่า หมดภาระหน้าที่ก็จบภารกิจในการเป็น ผบ.ทบ."
เมื่อถามว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องต่ออายุราชการใช่หรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ ย้อนถามว่า มีความจำเป็นอะไร ที่ต้องต่ออายุราชการเพราะบ้านเมืองก็สงบเรียบร้อย มีเพียงบางกลุ่มเท่านั้นเอง อยากให้เอาความจริงมาสู้กัน อย่าพูดเพียงท่อนเดียวแล้วเอาไปขยายความซึ่งตนก็เคยพูดไปแล้วเรื่องสื่อโซเชียลออนไลน์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดศึก"ตัดงบทหาร" 2.2 แสนล้านทำได้จริงหรือแค่สร้างคะแนน
“บิ๊กแดง”เตรียมเปิดข้อมูล700 เรื่องร้องเรียนสายตรง
เมื่อถามว่า ตอนนี้รู้สึกไม่สบายใจอะไรหรือไม่ในช่วงใกล้เกษียณอายุราชการ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวโดยยืนยันว่า ไม่มี เพราะในช่วงรับราชการได้ทำทุกสิ่งทุกอย่าง ที่คิดว่า ดีที่สุดกับกองทัพ และประเทศชาติ และที่สำคัญการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย ก็ต้องเป็นหน้าที่ของคนที่จะต้องมารับหน้าที่ต่อที่จะต้องทำหน้าที่นี้สืบสานต่อไปไม่ว่า จะเป็นเหล่าทัพใด
“ในส่วนของกองทัพบกมีแนวทางและวิธีการปฏิบัติรวมถึงหลักนิยมในการสื่อสารและการดำเนินการหลายอย่างโดยในเดือนสิงหาคมจะแถลงผลงานในหลายเรื่อง ซึ่งบางคนยังเอามาโจมตีว่า สายตรง ผบ.ทบ. เป็นอย่างไรตนจะสรุปให้ฟังว่า กองทัพบกได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องมานั่งรายงาน เราเป็นองค์กรที่มีระเบียบวินัย เมื่อพูด คำพูดคือนาย เมื่อพูดไปแล้ว ก็ต้องทำ กำลังพลเมื่อได้รับคำสั่งก็ต้องปฏิบัติ ใครผิด ต้องลงโทษใครไม่ดี ก็ลงโทษ ย้าย ปลด”
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาทุกอย่างของกองทัพบกมีความคืบหน้าไปมากไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามทำในโซเชียลและผู้ที่ยังไม่เข้าใจพยายามสร้างความขัดแย้งหรือความแตกแยกพยายามนำมาเป็นประเด็น
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการจัดทำบัญชีโยกย้ายนายทหาร พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ขณะนี้บัญชีโยกย้ายนายทหารอยู่ที่ พล.อ.พรพิพัฒน์เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด แต่หารือกันในที่ประชุม ผบ.เหล่าทัพ ยังไม่ได้กำหนดวันเวลาที่จะส่งรายชื่อ แต่เชื่อว่าทุกเหล่าทัพจะมองบุคคลที่มีความเหมาะสมมาทำงานต่อในทุกตำแหน่ง ไม่ใช่เพียงตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพอย่างเดียวเรามีแนวทางอยู่แล้วที่ชัดเจน
เมื่อถามว่า แต่ละเหล่าทัพได้หารือร่วมกันหรือไม่ แต่ละเหล่าทัพ จะให้ใครขึ้นมา พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ในแต่ละเหล่าทัพ ต้องพิจารณาและเสนอ ซึ่งยังผ่านคณะกรรมการกองทัพไทย ก่อนจัดต้องไปที่กลาโหมสำนักปลัดยังเหลืออีกหลายขั้นตอน เมื่อถามว่า มีการจับตาหลังเกษียณจะไปทำอะไร พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ขอให้ต้องต่อไป ว่าจะไปทำอะไร
เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.คนใหม่ จะดูแลสถานการณ์ต่อจากนี้ได้หรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ ตนจะไปรู้แทนคนที่จะมาเป็น ผบ.ทบ. หรือไม่ ขอให้ไปรอถามในวันที่ 1 ต.ค. ก็แล้วกัน ส่วน สถานการณ์ในอนาคตจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่นั้นตนยังมองไม่เห็นว่าจะเกิดความวุ่นวายอย่างไร หรือมีอะไร นายกรัฐมนตรี ก็บริหารราชการแผ่นดินด้วยความโปร่งใสและให้ความเป็นธรรมและที่สำคัญมีความเด็ดขาดในการบริหาร โดยเฉพาะในสถานการณ์ โควิด-19 ซึ่งพวกเราควรชื่นชม ในขณะทั่วทั้งโลกชื่นชมทีมแพทย์ ความมีวินัยของคนไทยในชาติ ซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่น
ดังนั้น หากถามตนว่า ข้างหน้าจะเกิดอะไรตนไม่ทราบ เพราะไม่รู้คือสถานการณ์ทุกอย่างเป็นลักษณะวันต่อวัน และเดือนต่อเดือน ไม่สามารถที่จะไปคาดการณ์ได้ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นหรือคนที่จะมาเป็น ผบ.ทบ. จะทำอะไรอย่างไร ตนไม่ทราบ แต่โดยส่วนตัวตนเมื่อจบภารกิจบทบาทตนก็เซ็ตซีโร่ตัวเอง
เมื่อถามว่าหาก นายกฯ ขอให้มาช่วยงาน พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า นายกฯคงไม่ทำ อย่างนั้น และตนคงไม่เข้ามามีบทบาทอะไร และอย่าลืมว่านายกรัฐมนตรีปัจจุบันบริหารราชการบ้านเมืองและมาจากการเลือกตั้ง ที่มาโดยรัฐธรรมนูญ การจะเลือกสรรบุคคลใดบุคคลหนึ่งมาทำงาน คงไม่ใช่ตน