ส่องคุณสมบัติ “อนุชา นาคาศัย” ผู้ตีตราจองเก้าอี้ รมต.
ส่องประวัติ คุณสมบัติ "เสี่ยแฮงค์" อนุชา นาคาศัย จากแม่บ้านพรรคพลังประชารัฐ จ่อนั่งเก้าอี้ รมต.
ชื่อของ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐคนล่าสุด แกนนำกลุ่มสามมิตรในพรรคพลังประชารัฐร้อนแรงขึ้น หลังออกมาแถลงข่าวดุเดือดขอทวงคืนโควตาเก้าอี้ รมว.พลังงาน ให้กับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ และแกนนำกลุ่มสามมิตร ท่ามกลางกระแสปรับครม.รอบใหม่ครั้งใหญ่ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีชื่อของ “เสี่ยแฮงค์” นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีด้วย
นายอนุชา นับเป็นนักการเมืองรุ่นใหญ่ มีชั่วโมงบินสูงใน จ.ชัยนาท เคยเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยซึ่งถูกตัดสิทธิ 5 ปีหลังถูกยุบพรรค ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีบทบาทสำคัญสามารถผลักดันให้ นางพรทิวา นาคาศัย อดีตภรรยาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ได้สำเร็จ
“เสี่ยแฮงค์” เกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2503 ปัจจุบันอายุ 60 ปี จบนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าสู่เส้นทางการเมืองจากการเป็น ส.ส.ชัยนาท พรรคไทยรักไทย ต่อมาในปี 2550 ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งถูกยุบพรรคการเมือง ในปี 2549
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปรับครม. คำต่อคำ “นายกฯ” ไม่มีกั๊ก เปิดโผ รอ “ปรีดี ดาวฉาย” ตอบรับ
ปิดห้อง ถก ปรับครม. "บิ๊กป้อม" ดอดขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าคุยกับ “บิ๊กตู่”
"บิ๊กป้อม' พูดชัด "ปรับครม." โควต้า 4 กุมาร เป็นของนายกฯ
เป็นที่ทราบกันดีว่า “อนุชา” คือ มือขวาของ สมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ก่อนจะสวมบทเป็นกุนซือให้กับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ขณะนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จนได้รับความไว้วางใจอย่างมากจากนายสุริยะ
กระทั่ง ย้ายออกจากพรรคไทยรักไทย พลังประชาชน หันมาตั้ง พรรคมัชฌิมาธิปไตย และสังกัดพรรคภูมิใจไทย ช่วงที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2550
"อนุชา" ได้ส่ง "นางพรทิวา นาคาศัย" ซึ่งปัจจุบันหย่ากันแล้ว ลงเล่นการเมืองแทน โดยขณะนั้นนางพรทิวา เป็นเลขาธิการพรรคมัชฌิมาธิปไตย หลังพรรคมัชฌิมาธิปไตยถูกยุบ นางพรทิวาจึงย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทย และได้เป็นเลขาธิการพรรค และได้นั่งเป็น รมว.พาณิชย์ ใน “รัฐบาลอภิสิทธิ์ 1”
กระทั่งปี 2561 อนุชา ได้ติดตาม นายสมศักดิ์ ในนามของกลุ่ม “สามมิตร” เข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ พร้อม ส.ส.ในกลุ่มอีกกว่า 30 คน โดยเสี่ยแฮงค์ ได้ตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ก่อนจะรู้ตัวภายหลังว่า ชวดเก้าอี้รัฐมนตรี หลุดโผจากการจัด ครม.ประยุทธ์ 2 จนต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวบ่งบอกถึงความไม่พอใจในการปรับครม.ครั้งนั้น
ในการประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2563 “เสี่ยแฮงค์” ได้ก้าวขึ้นมาเป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ แทน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่ยื่นใบลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ และลาออกจากการเป็น รมว.พลังงาน ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว