ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง ม็อบเยาวชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินการเก็บข้อมูลแบบผสมผสาน ทั้งการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ การลงพื้นที่และการเก็บข้อมูลในโลกโซเชียลทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพ จำนวน 1,308 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20 - 23 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.0 ระบุ ไม่มี เยาวชนมากันเอง ในขณะที่ร้อยละ 23.0 ระบุมี เช่น ต่างชาติ นักการเมืองและนักเคลื่อนไหวการเมือง
ที่น่าพิจารณาคือ ข้อแนะนำต่อ ม็อบเยาวชน กับ สถาบันหลักของชาติ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.1 ระบุ อย่าพาดพิง อย่าก้าวล่วง สถาบันหลักของชาติ ในขณะที่เพียงร้อยละ 1.9 ระบุแล้วแต่ม็อบเยาวชนใช้ดุลพินิจ
นอกจากนี้ เมื่อถามถึง คณะบุคคลที่พร้อมออกมาปกป้องเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.7 ระบุประชาชนทุกคน รองลงมาคือร้อยละ 84.3 ระบุทุกภาคส่วน ร้อยละ 82.5 ระบุ ผู้ตอบแบบสอบถาม ร้อยละ 82.1 ระบุ กองทัพ และร้อยละ 81.2 ระบุเจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการ ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เกินครึ่งหรือร้อยละ 53.9 เห็นด้วยกับ ม็อบเยาวชน ถ้าโจมตีรัฐบาล เช่น การแย่งตำแหน่งรัฐมนตรีขณะชาวบ้านกำลังเดือดร้อน ทุกข์ยาก การกดดันต่อรองให้มีการลาออกจากตำแหน่ง ความล้มเหลวแก้เศรษฐกิจ และการต่ออายุ พรก.ฉุกเฉิน เป็นต้น
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ที่กลุ่มเด็กและเยาวชนออกมากันก็เพราะเป็นผลกรรมของผู้ใหญ่ทางการเมืองเป็นผู้เริ่มทำกันขึ้นมาเอง ถ้ากลุ่มเยาวชนรวมตัวกันเพื่อการเปลี่ยนแปลงเชิงสร้างสรรค์ในการทำงานของรัฐบาลและเหตุผลทางการเมืองอย่างเดียวก็น่าจะสำเร็จได้ไม่ยากนักแต่อย่าก้าวล่วงสถาบันหลักของชาติเพราะแผ่นดินนี้ศักดิ์สิทธิ์ จึงขอให้กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนอยู่ในวงจำกัดเฉพาะเรื่องการเมืองแล้วจะทำให้การรวมตัวกันของเยาวชนไม่เสียของและประสบความสำเร็จได้ตามอุดมการณ์ที่บริสุทธิ์ของเด็กและเยาวชนที่ต้องการพื้นที่ในการแสดงออกและสั่งสอนผู้ใหญ่ผู้เฒ่าทางการเมืองในยุคนี้บ้าง จึงแนะให้เด็กและเยาวชนมีจุดคัดกรองผู้เข้าร่วมกิจกรรมทำแต่ประเด็นการเมืองเพียงอย่างเดียว