วันที่ 1 ก.ย. เวลา 12.30 น.ที่ทำเนียบรับบาล นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไมฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน แถลงสรุปผลการค้นหาความจริงกรณีอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส อยู่วิทยา ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ปี 2555
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการแถลงครั้งนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แถลงก่อนหน้านั้นซึ่งนายวิชายังได้แจกเอกสารรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้ส่งให้นายกฯจำนวน 10 หน้า โดยจากการสังเกตพบว่า ในเอกสารมีการระบุตัวย่อผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด อาทิ
พันตำรวจโท ธ.
รองศาสตราจารย์ ส.
พันตำรวจโท ว.
พลอากาศโท จ.
นาย จ.
นาย น.
นาย ช.
พันตำรวจเอก ธ. เป็นต้น
จากนั้นนายวิชา แถลงว่า คดีนี้เป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับบุคคลและองค์กรที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ขอเรียนว่ายังเป็นข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งนายกฯเป็นกังวลว่า หากเผยแพร่หรือเปิดเผยออกไปจะกระทบถึงเขาหรือไม่ ฉะนั้นในสรุปรายงานที่ให้กับสื่อมวลชนจะมีอักษรย่อครบเหมือนที่บอกไว้ ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง
โดยเราเห็นพฤติกรรมที่เริ่มตั้งแต่ทำสำนวนบกพร่อง เพราะการที่ตั้งข้อหาสำหรับคนตาย โดยเฉพาะ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ ที่ถูกนายวรยุทธ ขับรถชนจนเสียชีวิต ถือว่าไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะไม่มีสิทธิ์ต่อสู้คดี แม้ว่าเขาจะได้รับเงินเยียวยา แต่ก็ทำให้รูปคดีเสียหายอย่างหนัก ผู้เชี่ยวชาญสอนกันมาตั้งแต่อดีตว่า หากตำรวจตั้งรูปคดีแบบนี้แสดงว่าไม่ได้จริงจังหรือจริงใจในการทำสำนวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“วิชา”ชงนายกฯรื้อใหม่คดี“บอส อยู่วิทยา” ฟันวินัย-อาญา 8 กลุ่ม
ตำรวจชง 3 ข้อหาให้“อัยการ”สั่งฟ้อง“บอส อยู่วิทยา”
นายกฯรับลูก“วิชา”จ่อตั้งกก.สอบคดี“บอส อยู่วิทยา”
ผลสอบคดี "บอส" ทำสำนวนสมยอมไม่สุจริต
นายวิชา กล่าวว่า กระบวนการเหล่านี้เราเห็นภาพว่า พนักงานสอบสวนไม่ได้ทำงานอย่างมืออาชีพ เพราะบางข้อกล่าวหาไม่ได้ใส่ไว้ในสำนวน สอบไว้เพียงแค่ให้รู้ว่าสอบ แต่ไม่ได้จริงจัง และก็สั่งไม่ฟ้องสำหรับข้อกล่าวหา เช่น เรื่องเมาแล้วขับ และคดีนี้มีการร้องขอความเป็นธรรม 14 ครั้ง โดยไม่ประสบความสำเร็จ 13 ครั้ง
ส่วนการร้องขอความเป็นธรรมครั้งที่ 14 มีการยื่นพยานหลักฐานที่ก่อนหน้านี้ได้มีการปฏิเสธไปแล้ว และยังพบว่าในการร้องขอความเป็นธรรมครั้งที่ 8 วันที่ 16 มิ.ย.58 เป็นครั้งที่เราถือได้ว่าเป็นการร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันจนผิดปกติที่สุดในกระบวนการทำสำนวนในลักษณะของการสมยอมในการสอบสวน และเรายังพบว่าวันที่ก็ผิด ไม่ได้เป็นวันที่จริง เพราะวันที่มีการสอบปากคำจริง คือ วันที่ 29 ก.พ.2559 เรามีหลักฐานยืนยันชัดเจนทางนิติวิทยาศาสตร์ และเป็นหลักฐานที่ทำให้เราเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัย
ซึ่งทั้งพ.ต.อ.ธนสิทธิ แตงจั่น ตำรวจพิสูจน์หลักฐานในคดี และ นายสายประสิทธิ์ เกิดนิยม อาจารย์ประจำและหัวหน้าศูนย์วิจัยเฉพาะทางวิศวกรรมการประเมินและความปลอดภัยยานยนต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ทำให้กลับความเห็นเรื่องความเร็ว ซึ่ง พ.ต.อ.ธนสิทธิ ยืนยันว่า มีการกระทำในลักษณะที่ถูกกดดันด้วยเข้าอยู่ในกระบวนการคุ้มครองพยานในทันที และจากการสอบสวนของคณะกรรมการพบว่ามีผู้กระทำผิดประมาณ 10 คนขึ้นไป
“เรื่องนี้เป็นต้นไม้พิษ สร้างผลไม้อันเป็นพิษ บริโภคไม่ได้ ต้องฟันเสียไปทั้งหมด ในทางกระบวนการเราเห็นว่าให้มีการสอบสวนใหม่ ไม่ใช่ว่าสอบสวนพยานหลักฐานใหม่ แต่เราเห็นยิ่งกว่านั้นคือต้องนับหนึ่งใหม่ แต่เนื่องจากบางข้อหาขาดอายุความไปแล้ว คงช่วยไม่ได้ในส่วนนี้เราจึงได้เสนอด้วยว่า หลังจากนี้จะต้องมีการปรับปรุงแก้ไขเกี่ยวกับเรื่องอายุความ ที่เราเสนอว่าต้องแก้โดยเร่งด่วน ให้อายุความ หยุดลงเมื่อผู้ต้องหาหลบหนี แบบเดียวกับคดีทุจริตที่อายุความหยุดลงตราบใดที่ยังหลบหนีอยู่” นายวิชา กล่าว
นายวิชา กล่าวอีกว่า มีเรื่องที่ต้องดำเนินการสำหรับบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งสูง และเป็นผู้นำองค์กร เราอาจจะไม่ได้ข้อมูลที่แท้จริงในเรื่องของทางอาญา หรือทางวินัย แต่ว่าเราสามารถดำเนินการได้ในแง่ของจริยธรรม โดย ป.ป.ช.เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบ และอาจจะให้พ้นจากตำแหน่งได้โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ประมาณ 10 คนขึ้นไป ซึ่งมีทั้งหมด 8 กลุ่ม ดังนี้
1.พนักงานสอบสวนซึ่งเกี่ยวข้องกับสำนวน
2.พนักงานอัยการซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
3. ผู้บังคับบัญชาซึ่งแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่
4.สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่
5. ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองซึ่งแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่
6. ทนายความซึ่งกระทำผิดกฎหมาย
7.พยานซึ่งให้การเป็นเท็จ
และ 8. ตัวการ ผู้ใช้ และผู้สนับสนุนในการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว
ถาม : การเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง จากการสวบสวนมีความเชื่อมโยงกับนายวรยุทธหรือไม่
นายวิชา : จากที่เราได้มามีความเชื่อมโยงพอสมควร และเป็นที่รู้กันอยู่ ว่าใครเป็นผู้อุปถัมภ์นายจารุชาติ มีทั้งบุคคลที่มีความเกี่ยวพันกับนายวรยุทธ และกับผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ทางภาคเหนือ ซึ่งเราก็รู้กันอยู่ ดังนั้น ทางตำรวจภาค 5 กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ว่าทำไมถึงมีการทำลายมือถือของนายจารุชาติ เพราะไม่น่าจะต้องทำลายถึงขนาดนั้น ก็กำลังตรวจสอบอยู่
ถาม : จะมีการปฏิรูปเรื่องการพิจารณาคดีลับหลังจำเลยหรือไม่
นายวิชา : เรื่องนี้เป็นข้อเสนอของคณะกรรมการที่จะเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เป็นผู้ประสานงานหรือดำเนินการส่งต่อให้หน่วยงานต่างๆ
ถาม : จากการสอบสวนพบความเชื่อมโยงของทนายความกับครอบครัวนายวรยุทธอย่างไรหรือไม่
นายวิชา : ก็ต้องมีการให้สภาทนายความไปสอบต่อเพื่อให้เห็นภาพเชื่อมโยง แต่ตอนนี้ยังไม่ทนาย ธ.ยังไม่ปรากฎตัว และยังตามตัวไม่พบ ส่วนเรื่องการนำตัวนายวรยุทธมาลงโทษ จะต้องไปถามทางอัยการและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่มีกฎหมายว่า ตำรวจ