วันที่ 8 ก.ย. 2563 ที่รัฐสภา นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) เปิดเผยว่า วันนี้เวลา 15.00 น. จะมีการหารือของ"กลุ่ม 60 ส.ว."ถึงหลักการและจุดยืนในการแก้ไขและธรรมนูญ ว่าที่ประชุมจะคิดเห็นอย่างไร โดยเชื่อมั่นว่าทั้ง 60 คนจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน เพราะมีความคิดเห็นที่ตรงกัน มีความห่วงใยสถานการณ์บ้านเมืองจากสมาชิกวุฒิสภาที่ต้องการชักฟืนออกจากกองไฟ ซึ่งประเด็นไหนสามารถที่จะทำหรือถอยได้ก็ยินดีที่จะทำ
"แต่หากเกินเลยในสิ่งที่จะทำได้ ก็จะไม่ทำ ส่วนเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้มีเสียงสมาชิกวุฒิสภาอย่างน้อย 84 เสียงสนับสนุนเห็นชอบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ต้องหารือในกลุ่มซึ่งในวันนี้(8ก.ย.)จะชัดเจน"
นายกิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขณะที่เรื่องการปิดสวิตซ์ ส.ว.ยอมรับว่าจะมีการนำเข้าไปหารือ คิดว่าอาจทำไม่ได้ แต่ส่วนตัวเห็นว่าหมดความจำเป็นแล้วสำหรับอำนาจ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกฯ
“ประเด็นแรกอยู่ที่ว่า ส.ว.จะเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 256 หรือไม่ และในฐานะกรรมาธิการการเมืองของวุฒิสภากล่าวว่าเห็นข้อบกพร่องของรัฐธรรมนูญ หากแก้บางเรื่องที่เป็นปัญหาก็ยินดีที่จะแก้ และสิ่งต้องห้ามส.ว. คือห้ามแตะหมวด 1 และหมวด 2”
นายกิตติศักดิ์ ยังกล่าวถึงการตั้ง ส.ส.ร.ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ว่า เป็นการดำเนินการที่ใช้จ่ายงบประมาณ และเปลืองเวลา หากแก้บางมาตราด้วยกลไกของ 2 สภาจะใช้ระยะเวลาน้อยกว่า ซึ่งในอดีตใช้ ส.ส.ร. อาจแก้ไขนานถึง 10 ปี อย่างในอดีตที่เคยเกิดขึ้น
“การตั้ง ส.ส.ร. จะได้อย่างที่คิดหรือไม่ หรือหากแก้ไปทิศทางใดทิศทางหนึ่งจะเกิดความขัดแย้งอีกหรือไม่ ผมกลัวความขัดแย้งจะเกิดขึ้นอีก ยืนยันว่าส.ว.ไม่เคยห่วงอำนาจและพร้อมที่จะแก้ในบางประเด็นบางมาตรา เพราะอำนาจแก้ไขอยู่ที่ ส.ว. 100 เปอร์เซ็นต์”ส.ว.รายนี้ระบุ
นายกิตติศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องการมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาเคลื่อนไหวกดดันในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ส่งผลต่อการพิจารณาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของตัวเอง เพราะหากใช้กลุ่มผู้ชุมนุมกดดันจะไม่จบสิ้น รัฐธรรมนูญที่ผ่านมาก็ไม่มีฉบับไหนเป็นฉบับที่มาจากประชาชน 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม การจัดทำรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ผ่านการทำประชามติ 16 ล้านเสียงรวมถึงยังมีคำถามพ่วงที่ผ่านความเห็นมาอีก 15 ล้านเสียง ซึ่งเป็นความเห็นที่มาจากประชาชน