ที่ศาลฎีกา วันนี้ ( 24 ก.ย.63) นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยภายหลังได้รับการประกันตัว หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาในคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร ว่า จากคำพิพากษาของศาลในวันนี้ ตนเองไม่เห็นพ้องด้วย องค์คณะอาจจะเห็นอีกอย่างหนึ่ง แต่ตนเองเห็นอีกอย่างหนึ่งก็จะใช้สิทธิ์อุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาตามกฎหมาย
“ในวันนี้รู้สึกดีใจเพราะเป็นกรณีแรก ที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัว แม้จะมีโทษสูง ซึ่งศาลก็ได้มีการอนุญาตโดยพิจารณาจากพฤติกรรม ว่าจะไม่หลบหนี ซึ่งทุกครั้งผมเองก็เดินทางมาศาล และไม่มีการประวิงเวลา จึงได้รับการประกันตัว ก่อนหน้านี้ได้ยื่นหลักประกันเดิมไว้ 5 ล้าน ศาลได้ให้เพิ่มหลักประกันอีก 5 ล้าน รวมเป็น 10 ล้าน โดยมีเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ยกเว้นได้รับอนุญาตจากศาล”
เมื่อถามว่ามีพยานหลักฐานใหม่ในการขออุทธรณ์หรือไม่ นายวัฒนา กล่าวว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้พยานหลักฐานใหม่ ก็คือขั้นตอนของการอุทธรณ์คัดค้านดุลพินิจของศาล เช่นข้อเท็จจริงที่ศาลเห็นว่าเป็นอย่างนี้ แต่ตนเองเห็นว่าพยานหลักฐานฟังได้ทางนี้มากกว่าก็อุทธรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องของความเห็นที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งตนก็เคารพความเห็นที่ต่างอยู่แล้ว แต่ก็มีสิทธิ์ที่จะใช้สิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์คัดค้านสิ่งที่ศาลเห็นก็ไปสู้กันที่เหตุผล และก็ขึ้นอยู่กับที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะเห็นอย่างไรก็จบตรงนั้น
นายวัฒนา ยังย้ำว่า ตนเองมั่นใจการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ เชื่อในสิ่งที่ทำตั้งแต่วันแรก และก็รอคดีนี้มา 14 ปี ยังไงก็ต้องมาและก็เชื่อว่าสิ่งที่ตนเองทำถูกต้อง ไม่ได้เป็นอย่างที่มีการกล่าวหา แต่ในการใช้สิทธิ์อุทธรณ์ก็ไปว่ากันด้วยเหตุด้วยผล และยังมีอีกอย่างหนึ่ง คือที่ประชุมศาลฎีกา ไม่ได้หมายความว่าองค์คณะพิจารณาคดีทั้ง 9 ท่านตัดสินแล้วจะยุติ ก็ยังสามารถอุทธรณ์ต่อไปได้
เมื่อถามย้ำว่ายืนยันจะไม่หนีอย่างแน่นอนใช่หรือไม่ นายวัฒนา หัวเราะก่อนจะตอบว่า “จะหนีไปทำไม จะหนีไปสภาแล้วตอนนี้ อยากไปลุ้นรัฐธรรมนูญมากกว่า โดยคดีนี้เป็นเรื่องที่ตัวเองรู้ดีทุกอย่าง ว่าทำอะไรและทุกคนรู้ว่าไม่หนีองค์คณะทั้ง 9 ท่าน ก็เชื่อว่าไม่หนี ท่านให้ประกันนี่เป็นคดีแรกโทษ 50 ปี เพราะฉะนั้นไม่ต้องมาถาม
“ผมไม่หนี จะหนีไปทำไม ไม่มีอะไรน่ากังวล ขณะนี้ยังไม่ได้มีการยื่นอุทธรณ์ เพราะมีเวลา 30 วัน โดยจะรอคัดคำพิพากษา”
นายวัฒนา ยังกล่าวถึง นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ที่หนีคดีว่า นายอริสมันต์ไม่ได้หนีคดีนี้ แต่หนีคดีล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่พัทยา ส่วนข้อเท็จจริงในคดีนี้ในส่วนของอริสมันต์ ก็สามารถอุทธรณ์ได้ แต่ว่าก็ไม่มีประโยชน์ เพราะนายอริสมันต์ แม้จะอุทธรณ์ชนะก็ไม่สามารถกลับมาได้ เพราะการยื่นอุทธรณ์ในคดีนี้จะต้องดำเนินการด้วยตัวเอง