"อำนวย นิ่มมะโน" สับเละ ร่างพ.ร.บ.ตำรวจใหม่ ฉบับ เนติบริกรซ่อนเงื่อน

25 ก.ย. 2563 | 18:05 น.

"อำนวย นิ่มมะโน" ยก ร่างพ.ร.บ.ตำรวจใหม่ ฉบับเนติกรซ่อนเงื่อน เหตุ ถูกปรับแก้จนไม่เหลือหลักการสำคัญ ระบุ เหมือนร่างเดิมมีอย่างเดียว คือ ชื่อร่างกฎหมายเท่านั้น

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2563 เห็นชอบ "ร่างพระราชบัญญัติตำรวจ" ฉบับใหม่ ซึ่งเป็นการปรับปรุงพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 นั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน กรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ "ปฏิรูปตำรวจ เริ่มต้น หรือ ล้มเหลว" ใจความว่า

 

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ครม.มีมติเห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ... (เพื่อการปฏิรูปตำรวจ) ไปเป็นที่เรียบร้อย คงมีเสียงไชโยโห่ร้องกันบ้างละกับองค์กรที่ควรจะทำการปฏิรูปมากที่สุด เร็วที่สุดเพื่อเรียกศรัทธาของประชาชนกลับคืนมา....

 

แต่ อนิจจา วต สังขารา พอเข้าไปดูร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว พบว่า เป็น "ของปลอม" (ขออนุญาตถอนคำพูด) ไม่ปลอมแต่เป็นคนละร่างกับร่างชุดคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษที่มี อาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ซึ่งกระผมเป็นกรรมการร่วมยกร่างอยู่ด้วย ใช้เวลาร่วมสะท้อนปัญหา ร่วมคิด ร่วมสร้างกลไก วิธีการ แนวทางในการแก้ปัญหา ในการยกร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ เพื่อทำการปฏิรูปองค์กรตำรวจด้วยกันมาเป็นเวลาปีเศษ ใช้งบประมาณไปก็ไม่น้อย เสร็จสิ้นเรียบร้อยส่งให้รัฐบาลเพื่อนำเข้า ครม. ส่งต่อสภาตราเป็นกฎหมาย

 

แต่ปรากฏว่า ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวแทนที่จะเข้า ครม.กลับถูกส่งไปให้ ตร.ปรับแก้ (ปฏิรูปตัวเอง) ถึงตรงนี้ กระผมขออนุญาตนำคำพูดอาจารย์ ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ซึ่งท่านคงจะสะท้อนเหตุการณ์เดียวกันนี้ ความว่า

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

พลตำรวจโทอำนวย นิ่มมะโน จัดหนักสตช.คดีทายาทกระทิงแดง ถึงเวลาปฏิรูปแล้วหรือยัง?

"อำนวย นิ่มมะโน" เปลี่ยนแนว แต่งกลอนซัดผู้มีอำนาจเพิกเฉย คดีบอส

คาใจนักนิติวิทยาศาสตร์ สับสน คดีบอส 

"อำนวย"เปิดศึก "อัยการฯ"โยนตำรวจผิดฝ่ายเดียวคดี "บอสอยู่วิทยา" 

 

“กระบวนการยุติธรรมไม่ได้มีไว้เพื่อผู้ใช้อำนาจ ถ้าจะปฏิรูปตำรวจก็ไม่ต้องถามตำรวจ จะปฏิรูปอัยการก็ไม่ต้องถามอัยการ หรือจะปฏิรูปศาลก็ไม่ต้องถามศาล เพราะเจ้าของอำนาจ คือ ประชาชน”   

 

ร่างที่ตำรวจเอาไปปรับแก้ แล้วนำกลับมาเข้า ครม. มันไม่เหลืออะไร มันไม่เหลือหลอเลยครับ หลักการสำคัญต่างๆในร่างเดิมถูกรื้อ ถูกยกเลิก กลับไปเป็นแบบเดิมเกือบหมดสิ้นตามร่างเดิม

 

-สร้างกลไกให้องค์กรตำรวจเว้นระยะห่างกับการเมือง ไม่ให้การเมืองมาแทรกแซง ครอบงำ ชี้นำ เช่น การแต่งตั้ง ผบ.ตร. ให้เป็นอำนาจของ ก.ตร. เป็นคนเลือก นำรายชื่อเสนอ นายกรัฐมนตรี (แทนที่ นายกรัฐมนตรีเป็นคนเลือก)

 

-ปรับองค์ประกอบของ ก.ตร. ให้เหมาะสมเพื่อถ่วงดุลกับฝ่ายการเมือง

 

-พนักงานสอบสวนแยกออกมาเป็นแท่งอิสระ ขึ้นสู่ตำแหน่งโดยการเลื่อนไหล การอำนวยความยุติธรรมในทางอาญาจะได้มีอิสระอย่างแท้จริง

 

-หลักเกณฑ์การแต่งตั้งที่ชัดเจนมีเกณฑ์คะแนน อาวุโส (45) + ผู้บังคับบัญชาประเมิน (25) + ประชาชนประเมิน (30)  แล้วแต่งตั้งตามลำดับคะแนน เพื่อแก้ปัญหาวิ่งเต้น เส้นสาย ข้ามหัว ซื้อขายตำแหน่ง จ้างให้ออก บอกให้ไป จิปาถะ ซึ่งเป็นปัญหานำมาสู่ความขัดแย้ง แตกแยก กลั่นแกล้ง ปัดแข้งปัดขา ใส่ร้ายป้ายสี ....

 

ทั้งหมดนี้ไม่มีเหลือเลยครับ เหลือที่เหมือนกับร่างเดิมอยู่อย่างเดียว คือ ชื่อ พ.ร.บ. .....   ก็เท่านั้น!!!

 

กระผมสงสารตำรวจรุ่นลูก รุ่นหลานจริงๆครับคงจะต้องอยู่ในวังวน ในวงจร...... อีกต่อไปไม่ได้รับการปลดแอกให้หลุดพ้นออกมาเพื่อให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีอิสระ ไม่ตกอยู่ภายใต้อาณัติของบุคคลใด ทำงานได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรีด้วยความภาคภูมิใจในวิชาชีพของตน เป็นที่รักใคร่ เลื่อมใสศรัทธาของประชาชน ให้สมกับคำว่า "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์"   
 

เนติบริกร ก็คือ เนติบริกร...   เรื่องนี้ขอใช้คำว่า "เนติบริกรซ่อนเงื่อน" และขอท้าว่า ถ้าแน่จริงเอาสองร่างเข้าไปประกบกันในสภาเลยครับ แล้วเอาผู้ร่างทั้งสองร่างมาชี้แจงอธิบายความแข่งกันเป็นเรื่องเป็นรายมาตราให้สังคมตัดสิน สำหรับร่างเดิมแม้อาจารย์มีชัยฯยังไม่มอบหมายแต่ผมอาสาเข้าชี้แจง ......เอวัง!!!