นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคและประธานส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 26-27 ต.ค.นี้ว่า ตนได้เชิญ ส.ส. ของพรรคฯ ประชุมเป็นกรณีพิเศษในวันอาทิตย์ที่ 25 ต.ค.เวลา 16.00 น. เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมตามที่รัฐบาลขอให้เปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ ม.165 โดยไม่มีการลงมติโดยจะมีการกำหนดบุคคลที่จะร่วมอภิปรายในวาระที่สำคัญนี้ตามเวลาที่ได้มีการจัดสรรไปตามสัดส่วนให้ทั้ง ส.ส.ฝ่ายค้าน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล คณะรัฐมนตรี และส.ว.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะเน้นอภิปรายอย่างสร้างสรรค์แบบมีวุฒิภาวะ ด้วยเนื้อหาสาระที่จะช่วยกันร่วมมือแสวงหาทางออกจากปัญหาต่างๆ ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ตามจุดยืนของพรรค 3 ประการคือ
1. ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2. การแก้ปัญหาควรใช้แนวทางสันติ ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม
3. ใช้รัฐสภาเป็นเวทีหาทางออกของประเทศ
ส่วนที่หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญให้มีการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้นั้น นายองอาจกล่าวว่า การแก้ไขปัญหามีได้หลายวิธี การใช้เวทีรัฐสภาที่มีผู้แทนประชาชนจากหลากหลายความคิดเห็นที่แตกต่างกันมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน เพื่อช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศก็เป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง แต่ทุกภาคส่วนต้องใช้เวทีรัฐสภาเพื่อแก้ปัญหาบนพื้นฐานของความจริงใจคำนึงถึงประเทศชาติบ้านเมืองเป็นหลัก มากกว่าคำนึงถึงผลประโยชน์ทางการเมืองเพื่อตัวเองและพวกพ้องเท่านั้น
การเปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุยกันย่อมเกิดประโยชน์ในการหาทางออกให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ จึงหวังว่าทุกฝ่ายจะช่วยกันระดมสมอง กลั่นกรองวิธีการที่เหมาะสมหาทางออกให้ประเทศมากกว่าหาทางออกให้ตัวเอง
เชื่อมั่นว่าถ้าทุกฝ่ายคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมร่วมกันในทุกมิติ จะช่วยทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสมอย่างแน่นอน