รับมือ PM2.5 "บิ๊กป้อม" เข้ม สั่งบังคับใช้กฎหมายคู่ขนานการป้องกัน ลดปัญหาที่ต้นเหตุ

15 ธ.ค. 2563 | 02:18 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ธ.ค. 2563 | 09:48 น.

"บิ๊กป้อม" สั่งทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานรับมือ PM 2.5 เน้นขับเคลื่อนมาตรการป้องกัน-บังคับใช้กฎหมาย ลดปัญหาที่ต้นเหตุ

15 ธันวาคม 2563 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เปิดเผยว่า จากปัญหาสภาวะอากาศและการสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ปัจจุบันที่เกินมาตรฐานและกำลังเกิดขึ้นครอบคลุมหลายพื้นที่โดยเฉพาะเมืองใหญ่ และ กทม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้สั่งการให้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ประสานการทำงานภาพรวมกับ กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงคมนาคม (คค.) กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ (ตร.) กทม.และ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ร่วมกันดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดอย่างต่อเนื่องจริงจัง

 

พร้อมทั้งขอให้กวดขันบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องควบคู่กับการขอความร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคประชาชน ร่วมกันป้องกัน แก้ปัญหาและลดการก่อปัญหามลภาวะที่ต้นเหตุอย่างเคร่งครัดและจริงจัง พร้อมกับขอให้ช่วยประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนรวมทั้งสร้างความตระหนักรู้ของประชาชนมีส่วนร่วมกันแก้ปัญหาและดูแลป้องกันตนเองจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดแผนที่สถานการณ์ฝุ่น PM2.5ทั่วไทย

กทม.อ่วม เช้านี้ ฝุ่น PM2.5เกินค่ามาตรฐาน 66 พื้นที่ 

ฝุ่น PM2.5 กรุงเทพฯ-ปริมณฑลเช้านี้ มีผลกระทบต่อสุขภาพหลายพื้นที่

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ย้ำขอให้กระทรวงมหาดไทยระดับท้องถิ่น นำข้อมูลแผนที่จุดความร้อนและลงพื้นที่ตรวจสอบกวดขันบังคับใช้กฎหมายกับการเผาพืชไร่ในที่โล่ง และประสาน อก. ตรวจสอบมลภาวะของโรงงานอุตสาหกรรมและขอความร่วมมือลดกำลังการผลิตในภาวะดังกล่าว  พร้อมทั้ง ขอให้ ทส.ประสานกับ คค.และ ตำรวจ ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาจราจร โดยเฉพาะพื้นที่การจราจรที่คับคั่ง และจัดตั้งจุดตรวจสกัดรถควันดำที่สร้างปัญหาในพื้นที่ ร่วมกับมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนใช้การขนส่งสาธารณะมากขึ้น

สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ขอให้ กทม.และจังหวัดปริมณฑล พิจารณาออกมาตรการควบคุมเฉพาะหน้าและขอความร่วมมือประชาชน ร่วมกันลดต้นเหตุของการก่อปัญหาในภาพรวม เช่น ควบคุมเวลากิจกรรมการก่อสร้าง การลดใช้ยานพาหนะในพื้นที่เขตเมืองที่หนาแน่น โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล การลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดควัน เป็นต้น ทั้งนี้ ขอให้ สธ. ร่วมดูแลสุขภาพประชาชนในภาพรวม โดยเฉพาะเด็ก คนชราและผู้ป่วยโรคภูมิแพ้