วันที่ 18 ก.พ.2564 พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลุกขึ้นชี้แจง หลัง นางสาวนภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจกล่าวหาทุจริตโครงการช่วยภัยแล้ง ว่า หากกล้ารับรองว่าไม่เคยทำและไม่เคยมี ที่กล่าวหาว่าตนทุจริตคอร์รัปชั่น ขอให้ส่งข้อมูลไปตรวจสอบ ไม่ต้องส่งมาที่ตน และตนจะยอมรับโทษทัณฑ์ทั้งหมดถ้าผมได้ทำ และควรส่งข้อมูลไปตั้งนานแล้วเพราะเรื่องเกิดมานาน
ทั้งนี้ย้ำว่า ปัญหาภัยแล้งเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน ดังนั้นตลอดทั้งชีวิตการทำงานของตนจนถึงเกษียณ ไม่เคยทำผิดกฎหมาย และทำเรื่องที่ไม่สมควรทำในฐานะข้าแผ่นดิน ซึ่งปัญหาภัยแล้งจะมีการประเมินทุกๆ ปี ในช่วงเดือนกันยายน ซึ่ง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. จะแบ่งงานการช่วยภัยแล้ง ซึ่งบางครั้งไม่สามารถทำเป็นโครงการใหญ่ได้ เพราะต้องช่วยเหลือประชาชนเร่งด่วน
จึงกระจายโครงการไปในพื้นที่ต่างๆ ตั้งแต่ระดับ จังหวัด อำเภอ ตำบล โดย ในปี 2557-2558 ได้แบ่งงานให้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตดำเนินการส่วนหนึ่ง จังหวัดอีกส่วนหนึ่ง และให้องค์การทหารผ่านศึก ที่ได้สอบถาม และ อผศ.ก็ยืนยันว่ามีความพร้อมทำได้และส่งงานครบ 100% ส่วนในจังหวัดบางพื้นที่ไม่มีเครื่องจักร ก็ต้องจ้างเหมา ย้ำว่า ไม่มีเจตนาซอยงาน และตนไม่เคยไปยุ่งเกี่ยว และ ถ้าตนทราบว่ามีผู้ใต้บังคับบัญชาคนใดทุจริต ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งทางวินัยและอาญา
ด้านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีนางสาวนราพร เพชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจในกรณีการทุจริตคอรัปชั่นภายในองค์การทหารผ่านศึก โดยชี้แจงว่า องค์การทหารผ่านศึกเป็นองค์การกุศล เพื่อดูแลทหารผ่านศึก และจากการประชุมคณะรัฐมนตรี ในปี 2556 สมัยที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งองค์การทหารผ่านศึกได้รับสิทธิพิเศษ ประเภทได้รับงานด้านการพัฒนาก่อสร้างปรับปรุง ฟื้นฟูแหล่งน้ำ และได้เริ่มฟื้นฟูพัฒนาแหล่งน้ำมาตั้งแต่ปี 2558
ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีปัญหา ไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน จนนำไปสู่การร้องเรียนต่อองค์การทหารผ่านศึก จึงได้ชี้มีการแจงข้อเท็จจริงให้ป.ป.ชและสตง.ทราบ และปัจจุบันยังไม่มีการชี้มูลความผิดในส่วนขององค์การทหารผ่านศึก โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติระงับสิทธิพิเศษในปี 2560 ซึ่งองค์การทหารผ่านศึกไม่ได้รับการคุ้มครองมาจากหน่วยใดอีกเลยจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ พลเอกประวิตร ยังระบุอีกว่า ทางรัฐบาลไม่ได้ดำเนินการอะไร การที่มาอ้างตน เอาชื่อตนไปรับเงิน รับทอง ตนจะไปรู้หรือว่าใครเป็นคนอ้าง คนไหนที่เชื่อก็เชื่อไป ตนไม่ทราบเลย เพราะฉะนั้นอยากจะบอกว่าไม่มีเจตนา ที่จะทุจริตหรือกระทำการใดๆที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย พร้อมกับยืนยันว่าไม่มีรายรับจากสิ่งต่างๆเหล่านี้
โดยภายหลังการชี้แจง นางสาวนราพร ได้ประท้วงอีกครั้ง โดยระบุว่า พลเอกประวิตร ตอบไม่ตรงคำถาม ซึ่งพลเอกประวิตร ได้ชี้แจงว่า ตามที่ได้มีการกล่าวหามา หากอยากรู้ว่าเป็นรายชื่อของใคร ก็ขอให้ส่งมา ตนจะสอบให้ว่าใครเป็นคนดำเนินการ รายละเอียดต่างๆเพราะตนอยู่ข้างบนก็ไม่ทราบว่าเขารับกัน 30 : 40 หรืออะไรตามที่ นางสาวนราพร กล่าว