นายกฯห่วงเรียกอนาคตของชาติเป็น"นักเรียนเลว"ถามคนแอบหลังไม่สงสารเด็กหรือ

19 ก.พ. 2564 | 00:23 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.พ. 2564 | 00:38 น.

"นายกฯ” ฟาด ส.ส. หลบหลังม็อบเด็ก กังวลเรียกอนาคตของชาติเป็น "นักเรียนเลว" ชี้ อันตราย เปรียบสถานการณ์เคลื่อนไหวคล้ายม็อบ ย้อนถาม นายกฯที่ไหนจะเอาอยู่

 

เมื่อวันที่ 18 ก.พ. 64 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวชี้แจงถึงกรณีปัญหาด้านการศึกษา ของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของพรรคฝ่ายค้าน โดยระบุว่า ตนสังเกตว่า เวลาฝ่ายรัฐบาลจะชี้แจงอะไร ต้องมีการคัดค้านอยู่บ่อยครั้งมากเกินไป จนสาระไม่ได้ การตั้งคำถามในสภาจะถามอะไรก็ได้ แต่ตอบต้องตอบด้วยหลักการและเหตุผล ไม่ใช่การตอบกลับเป็นคำๆแบบนี้ คงไม่ใช่ โดยเฉพาะตนเองที่บอกว่าตอบไม่ตรงคำถาม ก็คงไม่ใช่ เพราะตนต้องบริหารในภาพใหญ่

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สิ่งสำคัญคือวันนี้ยอมรับหรือไม่ว่า การศึกษามีปัญหา หากถามจากผู้ปกครอง ครู และเด็กก็จะรู้ว่ามีปัญหาจึงต้องมีการปฏิรูปการศึกษา ตนขอยืนยันว่าพ.ร.บ.การศึกษา จะเข้าในวาระแรกของการเปิดประชุมสภาสมัยหน้า และสิ่งสำคัญที่สุดคือการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งถือเป็นเหตุจำเป็น ซึ่งทุกคนอยู่ในห้องนี้ประกอบด้วยคนอยู่ในหลายช่วงวัยที่หลากหลาย และหลากหลายด้านการศึกษา

ตนยอมรับว่าตนเรียนระบบเก่ามา แต่ตนก็เรียนรู้ระบบใหม่ ช่วงของการเปลี่ยนผ่าน เพราะฉะนั้นแน่นอนย่อมมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงแก้ไขแต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบ ตนอยากให้การแก้ไขปัญหาของการศึกษา หรืออะไรก็ตาม ไม่อยากให้ทุกเรื่องกลับไปที่เดิม เพียงแค่เปลี่ยนรัฐมนตรีเป็นคนละ 2 เดือน 3 เดือนหรือ 6 เดือนทุกอย่างคงแก้ไขไม่ได้ เพราะเป็นปัญหาที่เชิงโครงสร้าง ต้องแก้ทั้งวงจร แก้ทั้งระบบ 

พร้อมกับมองว่า หากมองปัญหามองเป้าหมายคืออะไร ปัญหาอยู่ที่ไหน ต้นทางกลางทางเป็นอย่างไร เราจะต้องเอาตัวออกจากตรงนู้น เช่นเดียวกับตนเอาออกจากปัญหาเหล่านั้น มองจากข้างนอกเข้าไปว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร และได้กระบวนการแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้วจึงเอาตัวเราเข้าไป จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้คนได้ประโยชน์เสียประโยชน์อะไรต่างๆก็จะดูแลอย่างไรจึงจะเรียกว่าการปฏิรูปการศึกษา ตนคิดว่าหลายเรื่องคงตอบแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการไม่ได้ แต่ในฐานะกำกับดูแล ตนก็จะติดตามในการคัดสรรคน กฎหมายทำได้ก็ว่าไป หากผิดก็ต้องยอมรับอยู่แล้ว

โดยนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า สิ่งที่ตนไม่สบายใจอยู่ 1 อย่างคือการเข้ามาครั้งนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยมา 2 ปี ครั้งแรก ตนคิดว่าสภาในสภาดีกว่านี้ แต่ครั้งนี้ตนไม่สบายใจเท่าไร ตนให้เกียรติทุกคนเสมอมา แต่ครั้งนี้การกล่าวอ้าง ให้ร้ายดูถูกเหยียดหยามมากขึ้น แต่ตนก็พยายามอดทน ตนเป็นนายกรัฐมนตรีต้องทนได้เสมอ

 

นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าเป็นห่วงอยู่ 1 คำคือคำว่านักเรียนเลว หรือครูชุดดำ เราไม่เคยมองอย่างนั้น ไม่เคยยุแยงให้เด็กเป็นอย่างนั้น เราจะเรียกเขาเป็นนักเรียนเลวได้อย่างไร เขาเป็นนักเรียน เป็นอนาคตของชาติ เพราะฉะนั้นมีอยู่หลายคนในนี้ ตนไม่ขอว่าใคร อย่ามาประท้วงตน เพราะทุกคนก็รู้ดีอยู่ ก่อนหน้านี้สมัยอายุเท่าตนไม่มีหรอกเรื่องแบบนี้ เรื่องร้ายแรงแบบนี้ไม่เคยมี ทำไมจะต้องให้เขาไปมีปัญหากับกฎหมายตนไม่เข้าใจ แล้วมีคนไปแอบอยู่ข้างหลัง ไม่สงสารเด็กบ้างหรือ เมื่อถึงเวลาเขาก็มีเวลาของเขา วันนี้เขาต้องเรียนหนังสือ ไม่เคยมีปัญหาเหล่านี้มาก่อน ตนสังเกต ในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีและฝ่ายความมั่นคง ตนสังเกตความเคลื่อนไหว การพูดจาต่างๆสอดคล้องสถานการณ์ภายนอกทั้งสิ้น นี่คืออันตราย ตนถามแล้วใครจะเอาอยู่ ใครจะเอาอยู่ ไม่ว่าใครจะเป็นนายกฯ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง