อัยการยันคดี“วิรัช”ทุจริตฟุตซอลไม่ขาดอายุความแน่รอรวมสำนวนส่งฟ้อง

01 เม.ย. 2564 | 11:05 น.

“อัยการ”ยันคดี “วิรัช รัตนเศรษฐ”ถูกกล่าวหาทุจริตสนามฟุตซอล ไม่มีทางขาดอายุความแน่ แจงอสส.สั่งฟ้องแล้ว 1 สำนวน รอคณะทำงานร่วมถกสำนวนที่เหลือ รวมยื่นฟ้องศาลฎีกาฯ เป็นคดีเดียว

ความคืบหน้าคดีทุจริตเงินจัดสรรงบประมาณก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในพื้นที่เขตการศึกษาที่ 2 จังหวัดนครราชสีมา ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ซึ่งก่อนหน้านี้อัยการสูงสุด(อสส.) ได้มีความเห็นสั่งฟ้อง นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือประธานวิปรัฐบาล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับพวก ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่หลายฝ่ายยังคงจับตามองคดีนี้ เนื่องจากไม่มีการนำตัว นายวิรัช ไปยื่นฟ้องต่อศาล และสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ และยังเกรงว่าหากอัยการยื้อการฟ้องคดีไปเรื่อยๆ คดีอาจขาดอายุความนั้น

ล่าสุด นายอิทธิพร แก้วทิพย์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวกับ “เนชั่นทีวี” ว่า ขณะนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ส่งสำนวนมาให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องแล้วประมาณ 6-7 สำนวน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมของคณะทำงานอัยการกับ ป.ป.ช.พิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวน และสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อให้สำนวนคดีสมบูรณ์ครบถ้วน คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาอีกไม่นาน

 


 

ขณะที่ก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้อง นายวิรัช ผู้ถูกกล่าวหาไปแล้ว 1 สำนวน ซึ่งเป็นสำนวนหลัก และสำนักงานปราบปรามคดีทุจริต ในฐานะคณะทำงานร่วมอัยการกับ ป.ป.ช. ที่จะเป็นผู้ทำหน้าที่ยื่นฟ้องคดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอลทุกคดี ได้ทำหนังสือขออนุญาตอัยการสูงสุด ขอรวมสำนวนทั้งหมด ทั้งคดีที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องแล้ว 1 สำนวน และคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงานร่วมอัยการกับ ป.ป.ช.ด้วย ซึ่งจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จทั้งหมดก่อน ค่อยยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง “เป็นคดีเดียวกัน” เพื่อให้คดีต่อเนื่องเชื่อมโยง พยานไม่ต้องมาศาลหลายคดี และไม่เกิดความยุ่งยากในการนำสืบพยานหลักฐาน เพราะผู้ถูกกล่าวหาเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกัน ลักษณะการกระทำความผิดคล้ายกัน เป็นคดีทุจริตสร้างสนามฟุตซอลเหมือนกัน ต่างกันตรงที่มีการทุจริตในแต่ละพื้นที่


โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวด้วยว่า สำหรับข้อกังวลเรื่องอายุความ จริงๆ แล้วการนับอายุความคดีนี้ต้องนับตามข้อหา ซึ่งตนเองไม่ทราบว่าคณะทำงานร่วมอัยการกับ ป.ป.ช.จะพิจารณายื่นฟ้องข้อหาใดบ้าง แต่หากมีข้อใหญ่ๆ อาทิ เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน มีอัตราโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี อายุความคดีก็นานถึง 15-20 ปี ถ้าฟ้องข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มีอัตราโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี อายุความก็ 15 ปี ยืนยันว่าคดีนี้ไม่มีทางขาดอายุความอย่างแน่นอน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :