วันนี้(23 เม.ย.64) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ได้ลงนามบันทึกข้อความส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ลงวันที่ 9 เมษายน 2564 เรื่อง แนวทางดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำ ตร. ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี
โดยเนื้อหามีใจความว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี มีนโยบายมอบของขวัญปีใหม่ 2564 ให้กับข้าราชการตำรวจด้านสวัสดิการกำลังพล คือโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำ เมื่อ 25 ธันวาคม 2563 และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สิน ข้าราชการตำรวจ และลูกจ้างประจำ ระหว่าง ตร. กับสถาบันการเงิน นั้น
เพื่อให้การช่วยเหลือข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำ ตร. ที่มีปัญหาในการชำระหนี้ ให้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ และป้องกันการมีภาระหนี้สินจนเกินกำลังความสามารถในการชำระ จึงกำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการ ดังนี้
1.ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำในสังกัด สำหรับผู้ที่มีหนี้วิกฤติหรือมีปัญหาในการชำระหนี้ โดยให้พิจารณาเชิญเจ้าหนี้ทุกรายร่วมเจรจา ตกลง แก้ไขปัญหาการชำระหนี้ ของลูกหนี้แต่ละราย พร้อมทั้งขอความร่วมมือสหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยงานที่ลูกหนี้เป็นสมาชิก เข้าร่วมเจรจาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา โดยให้พิจารณาช่วยเหลือกลุ่มผู้ที่ถูกฟ้องร้องเป็นลำดับแรก
2.สำรวจผู้มีหนี้วิกฤต หรือมีปัญหาในการชำระหนี้ เพื่อเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินฯ
3.กำชับเจ้าหน้าที่การเงินของหน่วยงานออกหนังสือรับรองเงินเดือน ให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามความเป็นจริง ในการใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาของผู้กู้
4.ผู้บังคับบัญชาที่ให้การรับรองการกู้ของข้าราชการตำรวจ ให้พิจารณาด้วยความรอบคอบ และคำนึงถึงศักยภาพในการชำระหนี้เป็นข้อมูลประกอบการรับรองด้วย เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาการชำระหนี้ในอนาคต
5.หน่วยงานต้นสังกัด ดำเนินการหักเงินเดือน หรือเงินบำเหน็จบำนาญ ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ (ผู้เข้าร่วมโครงการได้ทำหนังสือยินยอมให้หักเงินเดือน หรือเงินบำเหน็จบำนาญไว้) นำส่งให้ธนาคาร รวมทั้งจัดส่งข้อมูลผู้เข้าร่วมโครงการฯ ให้กับธนาคาร กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานต้นสังกัดของผู้กู้ เนื่องจากผู้กู้ย้ายงานต้นสังกัด หรือลาออก โดยได้รับเงินเดือนหรือเงินได้อื่นใดจากทางราชการ ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดต้องให้ผู้กู้เป็นงวด หรือเกษียณอายุโดยได้รับบำนาญ จะต้องแจ้งการย้ายหรือลาออกหรือเกษียณอายุราชการของผู้กู้ รวมทั้งหน่วยงานต้นสังกัดใหม่ให้กับสถาบันการเงินเจ้าของบัญชีกู้เดิมทราบ
พร้อมทั้งกับแจ้งให้ผู้กู้ไปชำระเองที่สาขาของธนาคารจนกว่า ตร. หรือหน่วยงานต้นสังกัดใหม่ จะหักเงินให้สาขาของธนาคารได้ และให้สาขาของธนาคาร ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีเงินกู้เดิมประสานกับสาขาใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลง แล้วทำการโอนย้ายบัญชีไปสาขาใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อเรียกเก็บเงินชำระหนี้ต่อไป
6.ส่งเสริมและสนับสนุนแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินของผู้เข้าร่วมโครงการฯ ตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร และกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามโครงการฯ และกำกับ ดูแลให้บรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ อย่างเต็มที่
7.กำกับ ควบคุม ดูแล ไม่ให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ ไปก่อหนี้เพิ่มจนทำให้มีผลกระทบต่อการชำระหนี้งวดตามโครงการฯ และส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ รู้จักประหยัด อดออม และมีวินัยทางการเงิน