นายกฯแจงพรก.กู้เงิน 5 แสนล้านจะใช้ตามแผน ย้ำอยู่ 7ปี ไม่มีทุจริต

 วันที่ 14 มิถุนายน 2564 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้กล่าวชี้แจงถึง พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทในที่ประชุมวุฒิสภา ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบอย่างวงกว้างโดยรัฐบาลพยายามประคับประคองมาโดยตลอด โดยการให้กระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหา สำหรับประเด็นเรื่องการจ้างงานที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการจ้างงานไปแล้ว 1.3 ล้านรายทั้งภาครัฐและเอกชนผ่านการใช้เงินกู้ 1 ล้านล้านบาทไปจำนวน 170,000 ราย

สำหรับแผนการกระจายวัคซีนวันนี้ได้มอบหมายให้ ศบค.เชิญ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเพื่อให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน และในปี 2564 นี้รัฐบาลได้วางแผนจัดหาวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดรสเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในไตรมาสที่ 1 ในปี 2565 ซึ่งขณะนี้มีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วกว่า 6.12 ล้านโดรส คือการที่จะฉีดวัคซีนให้ประชาชนจะต้องทยอยจอง และนัดวันเข้ารับวัคซีนตามจำนวนวัคซีนที่รัฐบาลได้มา เพราะรัฐบาลก็ได้ชี้แจงกรอบไปแล้วว่าในแต่ละเดือนรัฐบาลได้รับวัคซีนมาเท่าไหร่ จะแบ่งปันไปยังไง ซึ่งมีเพียง 3 อย่างที่รัฐบาลใช้เป็นหลักการคือ ทุกจังหวัดจะต้องได้ฉีดวัคซีน / จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดเป็นจำนวนมากจะต้องได้รับวัคซีนสมทบเข้าไป และคลัสเตอร์ใดที่มีปัญหาก็จะต้องได้รับวัคซีนสมทบมากเข้าไปอีก
 

ดังนั้นการติดต่อต่างๆต้องขอความกรุณาให้รับฟังที่รัฐบาลเท่านั้น ในวันนี้ทุกคนก็รู้อยู่ว่ามีปัญหาอะไรบ้างในการสร้างการรับรู้และสร้างการบิดเบือน ทุกอย่างมีการเมืองเข้ามาแทรกหมด เหมือนที่ทุกคนเห็นว่าทุกวันนี้ไม่ได้มีเพียงฝ่ายรัฐบาลฝ่ายเดียวมีฝ่ายค้านเข้ามาอีก ซึ่งตนก็เคารพทุกอัน ตนไม่เคยหยุดคิด คิดวันนี้ คิดวันหน้า และคิดอนาคต ยืนยันว่ารัฐบาลมีการแก้ไขอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะปีนี้หรือปีหน้าและการจัดหาวัคซีน บริษัทต่างประเทศยังไม่สามารถที่จะจัดหาให้เราได้แต่ประเทศไทยโชคดีที่มีบริษัทผลิตวัคซีนเป็นของตนเอง แต่ก็ต้องได้รับอนุมัติการผลิตจากเจ้าของลิขสิทธิ์วัคซีน ไม่ใช่ว่าจะปิดเท่าไหร่แล้วมันจะจ่ายให้กันเองนั้นทำไม่ได้ โดยวัคซีนที่เข้ามาในประเทศไทยทั้งหมดไม่ว่าใครจะเป็นผู้ซื้อก็ตาม ผมไม่ขัดข้องเพียงแต่ว่าจะต้องมีตัวแทนและจะต้องขึ้นทะเบียนกับ อย. ถ้าใครอ้างว่าซื้อได้ หาได้ แต่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับ อย.ไม่มีทางซื้อได้แน่นอน รัฐบาลได้เจรจาซื้อวัคซีนทุกยี่ห้อที่มีทั้งหมด แต่ก็จะต้องมีบริษัทที่มาขึ้นทะเบียนในประเทศไทยให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่ท่านก็ต้องไปเจรจากับบริษัทที่มาขึ้นทะเบียนให้ได้ก็แล้วกัน

สำหรับประเด็นเรื่องหนี้สาธารณะ ที่หลายฝ่ายออกมากล่าวหารัฐบาลว่าเป็นการกู้ที่เกินวงเงิน ก็ต้องย้อนกลับไปถามว่ามันจำเป็นหรือไม่ที่รัฐบาลจะต้องกลับกู้ ซึ่งก่อนหน้ารัฐบาลของผมก็ต้องย้อนถามกลับไปว่ามีหนี้สาธารณะอยู่ที่เท่าไหร่แล้ว ผมเป็นคนสร้างนี่ทั้งหมดนี้หรือไม่ ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผมบ้าง

สำหรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือโครงการต่างๆของรัฐบาล เช่น คนละครึ่ง ไม่ได้เป็นโครงการหาเสียงของการเมือง รัฐบาลตั้งใจที่จะทำให้ประชาชนเหล่านั้นอยู่ให้ได้ ที่เหลือวันหน้าก็จะทำให้เขาอยู่ให้ได้ ยืนยันว่าตราบใดที่ผมอยู่ผมก็จะทำเพื่ออนาคต อดีตคือปัจจุบัน และคืออนาคต ที่ทำงานทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้กฎหมาย หรือไม่รู้อะไรทั้งสิ้น ไม่ใช่มาพูดอย่างเดียวโดยไม่รู้ข้อมูลที่ฐานไม่รู้กฎหมาย ผมมาทำตรงนี้ผมก็ต้องปลอดภัยเหมือนกัน จะไม่ทำอะไรที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วโดยให้ข้าราชการหรือฐบาลเดือดร้อน

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง ข้อกล่าวหาที่ว่ารัฐบาลด้อยค่า ว่า ฟังมากก็ปวดหัว ถ้าเราเชื่อตามไปหมดไม่ว่าจะเป็นข่าวบิดเบือนหรือข่าวด้อยค่าทำอะไรก็ไม่สำเร็จ ต้องมามองภาพรวมแบบผมจะได้รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ผมรับฟังท่านทุกวัน ส.ส.อภิปราย พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ก่อนหน้านี้ผมก็นั่งฟังทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. หรือ ส.ว.ผมให้เกียรติทั้งสิ้น
 

อย่างไรก็ตาม วันนี้ใครไม่เชื่อผมบ้าง ยิ่งผมโดนไล่ทุกวัน ยิ่งไล่ผมยิ่งสู้ ยืนยันว่าผมอยู่มา 7 ปี ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่นไม่มีเงินถึงมือผมสักบาท วันนี้ผมทำงานในระบบประชาธิปไตยซึ่งมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ขอถามว่าประชาธิปไตยไทยจะไปแบบไหนกันอีก ในวันนี้ยังไม่พออีกหรือ ใครจะละเมิดใคร หรือจะไม่เคารพพ่อแม่ จะด่าครู อาจารย์ ก็ได้หรือ

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เงินกู้ 5 แสนล้านบาทนี้ รัฐบาลจะนำไปพิจารณาดำเนินการภายใต้ประมาณที่มีอยู่ และปีหน้าหางบประมาณหรือโครงการใดที่ไม่มีประโยชน์ก็สามารถที่จะตัดได้พร้อมกันนี้ยืนยันว่าตนไม่เคยนึกถึงตนเองเลย ขนาดฝันยังเป็นงานเลยไม่เคยฝันเป็นอย่างอื่น