เมื่อวันที่ 5 ก.ค. รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า มีเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ในช่วงนี้ ที่ฝ่ายที่จ้องโจมตีรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หยิบขึ้นมาบิดนิดๆ แล้วนำขึ้นโจมตีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บน social media ซึ่งมีคน share และ comment กันสนั่นเมือง
เหตุการณ์แรก คือที่พลเอกประยุทธ์ ชู 2 นิ้ว และหัวเราะหยอกล้อกับนักข่าว ใช้คำว่า “นะจ๊ะ” และเพื่อจะบอกนักข่าวว่า จะไม่ปิดร้านอาหาร แต่จะให้ซื้อกลับบ้าน หรือ take home ได้เท่านั้น แต่พลเอก ประยุทธ์ ไปยกเอาเพลงที่ชื่อว่า “ Take me home, country roads” เพลงดังของ John Denver มาเล่นมุขกับนักข่าว ซึ่งคำว่า take me home กับ take home มีความหมายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จึงถูกนำไปล้อเลียนด้วยเช่นกัน
เหตุการณ์ที่ 2 คือ ภาพที่พลเอกประยุทธ์และบรรดารัฐมนตรี นั่งจิบกาแฟบนโต๊ะยาวที่ตั้งอยู่ริมทะเลที่ภูเก็ต และภาพงานเลี้ยงโดยในวันเปิดโครงการ Phuket Sand Box ที่การท่องเที่ยวฯจัดขึ้น มีการนั่งทานอาหารและเครื่องดื่มกันเป็นโต๊ะๆ ทั้ง 2 ภาพส่วนใหญ่ไม่สวมหน้ากาก
ประเด็นที่โจมตีในเหตุการณ์แรกคือ โจมตีว่า พลเอกประยุทธ์ สนุกสนาน ร่าเริง หยอกล้อกับนักข่าว ไม่รู้สึกรู้สา ไม่เห็นหัวประชาชนที่กำลังทุกข์ยาก ลำบากแสนสาหัส ไม่มีจะกิน คนเสียชีวิตก็มากขึ้นทุกวันเพราะติดเชื้อโควิด
ต้องยอมรับว่า พฤติกรรมของพลเอกประยุทธ์ในเหตุการณ์แรก ไม่เหมาะสมจริงๆ และมีการปล่อยไก่ตัวเล็กๆออกมาด้วย แต่เพื่อความเป็นธรรม ก็ต้องบอกด้วยว่า ที่นายกฯชู 2 นิ้วก็เพราะนักข่าวถามว่า “สู้ไหวหรือไม่” นายกฯจึงชู 2 นิ้วเพื่อบอกว่า “สู้ไหว” ซึ่งในโพสต์ที่โจมตี ไม่มีการกล่าวถึง แต่การหัวเราะก็คงเป็นเพราะกลอนพาไป แสดงว่านายกรัฐมนตรีคนนี้เสแสร้งไม่เป็น แต่ที่จะไปสรุปว่านายกรัฐมนตรีไม่แยแสกับความทุกข์ร้อนของประชาชน ก็เป็นข้อสรุปที่เต็มไปด้วยอคติ หรือไม่เช่นนั้นก็เป็นการหาเรื่องโจมตีในทุกวิถีทางจนเกินไป
เหตุการณ์ที่ 2 ที่ภูเก็ต ช่วงแรกโจมตีว่า ออกกฎให้คนอื่นปฏิบัติ แต่ตัวเองกลับฝืนกฎ นั่งทานอาหารกันในร้านได้มีการชี้แจงและโต้แย้งว่า นั่นเป็นการไปตรวจเยี่ยม และสังเกตุการณ์วันเปิดโครงการ Phuket Sand Box ซึ่งเป็นโครงการนำร่องที่สำคัญมาก และโครงการนี้มีการเตรียมการมาแล้วหลายเดือน โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยว ภายใต้มาตรการที่เข้มงวด จึงได้ปูพรมฉีดวัคซีนให้คนภูเก็ตเกินกว่า 70% แล้ว และมีคนติดเชื้อน้อยมาก บางวันไม่มีเลย ดังนั้นผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ออกคำสั่งให้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ไม่ใช่เฉพาะนายกฯ แต่คนในภูเก็ตทุกคน สามารถนั่งทานอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในร้านอาหารได้แล้ว จนถึง 23.00 น
เมื่อมีการชี้แจงข้างต้น ก็มีการเบี่ยงประเด็นไปว่า นายกรัฐมนตรีไปงานเลี้ยงสังสรรค์ สนุกสนานกันที่ภูเก็ตในบนความทุกยากของประชาชนมีความทุกข์ยากได้อย่างไร ถึงกับใช้คำว่า
“รัฐบาลฆาตกร” กันเลยทีเดียว
ข้อเท็จจริงคือ Phuket Sand Box เป็นการใช้จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัด นำร่องของการเปิดจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญมาก หากทำสำเร็จก็จะเป็น model ให้จังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ นำไปปฏิบัติตามได้ ที่นายกรัฐมนตรีและคณะไปที่ภูเก็ตนั้นเป็นการไปทำงาน ไม่ได้ไปสนุกสนาน และภาพที่นั่งจิบกาแฟริมทะเล ก็เป็นการนั่งรอเวลาที่จะไปสนามบิน เพื่อต้อนรับนั่งท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มแรก ส่วนการไม่ได้สวมหน้ากากก็เพราะกำลังทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มอยู่
ดูจาก comments ใน social media และข้อความของคนทั้งหลายที่ share โพสต์ที่โจมตี ชัดเจนว่า หลายคนไม่รู้ว่ามีโครงการ Phuket Sand Box เสียด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่จะเข้าใจว่า Phuket Sand Box คืออะไร มีมาตรการควบคุมอย่างไร ส่วนคนทำโพสต์โจมตี ก็เป็นพวกที่หามุมโจมตีรัฐบาลในทุกเรื่องอยู่แล้ว ถ้าหามุมไม่ได้ ก็ใช้วิธีบิดมุมโจมตีจนได้
ใครจะว่าอย่างไรก็ตาม แต่ผมคิดและมั่นใจว่า บุคคลิก การพูดจา การวางตัวของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นจุดอ่อนที่เป็นมุมให้นำมาโจมตีและขยายผลได้อย่างง่ายดายเสมอ
สังเกตว่า ในระยะหลังพลเอก ประยุทธ์ ลดความหงุดหงิด ฉุนเฉียวลง แต่กลับกลายเป็นสร้างมุขตลก และมักใช้คำลงท้ายว่า “นะจ๊ะ” จนถูกนำไปล้อเลียน ประชดประชันกันอย่างสนุกนาน มากมาย
ไม่ทราบว่าใช่ ทีมประชาสัมพันธ์ของนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ที่พยายามเปลี่ยนบุคลิก และการพูดจา จากการแสดงความหงุดหงิด ฉุนเฉียว มาเป็นแบบปัจจุบัน
ถ้าใช่ ก็ขอบังอาจแนะนำว่า เปลี่ยนกลับไปเป็นมาดเข้ม และการพูดจาแบบสมัยที่เป็น ผบ.ทบ. จะดีกว่าเป็นไหนๆ พยายามอย่างเดียวคือ ควบคุมอารมณ์ให้ได้เท่านั้นพอ
จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ขอให้เชื่อว่าเป็นคำแนะนำที่มาจากความหวังดี ไม่ได้มุ่งร้ายแต่ประการใดทั้งสิ้น ขอเอาใจช่วยให้สามารถเปิดประเทศได้ภายใน 120 วัน เราจะได้กลับมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติได้เสียที