วันที่ 14 ก.ค.2564 นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้า และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวขอบคุณคณะรัฐมนตรี หลังมีมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมเข้มโควิด โดยเฉพาะการเยียวยาเพิ่มเติมรวมเป็น 9 สาขาอาชีพ ซึ่งมีรูปแบบหลากหลายครอบคลุมกลุ่มบุคคลที่รับผลกระทบ
นอกจากนี้ ยังลดค่าน้ำ ค่าไฟ ที่กระจายไปยังประชาชนและภาคธุรกิจทั่วประเทศ อีกทั้งยังให้สถานศึกษาภาครัฐให้ความช่วยเหลือในการให้ส่วนลด เงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง และนักเรียน นักศึกษาได้อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะติดตามตรวจสอบต่อมาตรการที่ออกมา จะปฏิบัติจริงได้มากน้อยแค่ไหน อย่างไร โดยเฉพาะการช่วยเหลือด้านการพักชำระหนี้ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการที่เป็นลูกค้าของสถาบันการเงิน ขณะเดียวกัน อยากขอมาตรการเยียวยาเพิ่มเติม
นายองอาจ ระบุว่า 1. ควรงดเว้น หรือลดการเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ ของภาครัฐจากผู้ประกอบการ SME 2. กระทรวงการคลัง ควรหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ เรื่องการให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการรายย่อย หรือซอฟท์โลนเกิดขึ้นได้จริง และ 3. ควรมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ทั่วประเทศให้เดินหน้าต่อได้ จนกว่าภาครัฐจะทำให้สถานการณ์โควิดลี่คลาย
อย่างไรก็ดี ยังมีกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากมาตรการคุมเข้ม คือ กลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น กลุ่มแรงงานนอกระบบ ที่อยู่นอกระบบประกันสังคม ซึ่งมาตรการเยียวยาล่าสุด จะมีมาตรการดึงแรงงานกลุ่มนี้ให้เข้ามาขึ้นทะเบียนประกันสังคม ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ แล้วจะได้เงินช่วยเหลือต่างๆ ตามที่กำหนด แต่ความเป็นจริงอาจมีแรงงานนอกระบบ หรือกลุ่มอาชีพอิสระจำนวนไม่น้อย ที่ไม่ประสงค์จะขึ้นทะเบียนประกันสังคม ก็ควรได้รับการเยียวยา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากครั้งนี้เช่นกัน
ส่วนการแพร่ระบาดโควิดระลอกสามจนนำมาสู่มาตรการเข้มข้นนั้น ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากได้รับผลกระทบ การที่ ครม. ออกมาตรการเยียวยาล่าสุดนี้ แม้ช่วยต่อลมหายใจของผู้ได้รับผลกระทบ ให้มีกำลังกาย กำลังใจ ต่อสู้กับปัญหาโควิด ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ต่อไป จนกว่าสถานการณ์คลี่คลายในที่สุด