วันนี้(14 ก.ค.64) พรรคไทยสร้างไทย ได้เชิญ นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย มาร่วมหารือกับ นายโภคิน พลกุล และ นายวัฒนา เมืองสุข ในประเด็นที่ ครม. เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบให้กรมควบคุมโรคสั่งซื้อ “วัคซีนซิโนแวค” เพิ่มเติมอีกจำนวน 10.9 ล้านโดส ในวงเงินประมาณ 6,100 ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ 1.2 ตามบัญชีท้าย พรก.ฯ ที่ประชุมมีมติดังนี้
1.ตามมาตรา 55 ของรัฐธรรมนูญซึ่งอยู่ในหมวดหน้าที่ของรัฐบัญญัติให้ รัฐมีหน้าที่ดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง ซึ่งบริการสาธารณสุขดังกล่าวต้องครอบคลุมถึง(1) การควบคุม (2) การป้องกันโรค (3) การรักษาพยาบาล และ (4) การฟื้นฟูสุขภาพ ส่วนสิทธิของประชาชนในเรื่องนี้ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 47 ว่า บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2. โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายตามประกาศขององค์การอนามัยโลก และตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 รัฐจึงมีหน้าที่ที่จะต้องควบคุมและป้องกันโรค รวมทั้งรักษาพยาบาลและฟื้นฟูสุขภาพประชาชนอันเป็นหน้าที่ของรัฐตามมาตรา 55 ดังกล่าว
3. ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีการกลายพันธุ์จากเดิมไปสู่สายพันธุ์อินเดีย หรือ เดลต้า ซึ่งเกิดจากการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างชาติ ที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งข้อเท็จจริงทางการแพทย์เห็นว่า วัคซีนซิโนแวค ที่รัฐบาลสั่งซื้อเพิ่มดังกล่าวกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้น้อย และไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ที่กำลังแพร่ระบาดได้ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงนี้แล้ว การที่รัฐบาลยังสั่งซื้อวัคซีนดังกล่าวเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมากจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 55 อันเป็นหน้าที่ของรัฐ
4. ที่ประชุมเห็นว่า เมื่อการควบคุมโรค การป้องกันโรค และการรักษาพยาบาลเป็นหน้าที่ของรัฐ การที่รัฐปล่อยให้มีการแพร่ระบาดหลายครั้ง ป้องกันโรคล้มเหลว และไม่สามารถให้การรักษาพยาบาลประชาชนได้อย่างทั่วถึง คือหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรง ปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งสามารถดำเนินการได้ 2 ทาง คือ ร้องต่อ ป.ป.ช. ตามมาตรา 234 (1) ของรัฐธรรมนูญ หรือ ประชาชนสามารถใช้สิทธิฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
5. โดยที่เป็นประเด็นสำคัญ พรรคไทยสร้างไทย จึงได้เปิดให้ประชาชนแสดงความเห็นว่าควรฟ้องผู้รับผิดชอบในประเด็นนี้หรือไม่ ผลปรากฏว่า ภายในระยะเวลาเพียง 6 วัน มีประชาชนเข้าชื่อแสดงความเห็นให้ฟ้องรัฐบาลถึง 650,000 ชื่อ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน พรรคไทยสร้างไทยจึงขอให้นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่เป็นทนายความฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ที่ประชุมเห็นว่าควรฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงในแต่ละประเด็น และ นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล รวมทั้งเป็นผู้รับผิดชอบตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน
ทั้งนี้ นายกสมาคมฯ จะดำเนินการร่างฟ้องและพิจารณาผู้เสียหายที่จะเป็นโจทก์ฟ้องคดีแทนประชาชนที่เข้าชื่อมาทั้งหมด เพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็วและชอบด้วยกฎหมายต่อไป