“วัชระ”ร้องป.ป.ช.สอบ“สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์” กกต.ผลาญงบหลวง 

19 ก.ค. 2564 | 06:34 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ค. 2564 | 13:48 น.

“วัชระ”ร้องป.ป.ช.สอบ “สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์” กกต.ผลาญงบหลวง มีพฤติกรรมฉาว ผลาญงบค่าเบี้ยเลี้ยง-น้ำมันรถ จัดเลี้ยงวันเกิดในสถานที่ราชการ เข่าข่ายความผิดตามก.ม.และฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง 

วันนี้ (19 ก.ค.64) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือผ่าน นายวราพงษ์ อินต๊ะโมงค์ ผอ.กลุ่มงานวิเคราะห์ฯรักษาราชการแทนผอ.สืบสวนและกิจการพิเศษร้องเรียน ถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. ให้สอบสวนการกระทำผิดกฎหมายและจริยธรรมร้ายแรงของ ศ.ดร.สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กรรมการการเลือกต้้ง(กกต.)

 

เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนและส่งหลักฐานเป็นภาพถ่ายจำนวนมากมาให้ประกอบการพิจารณาคือ มีการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมกรรมการซ้ำซ้อน กับ การเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงในวันเดินทางหลายรายการ นับตั้งแต่เริ่มดำรงตำแหน่ง อันเป็นการขัดระเบียบและจริยธรรม และการเบิกจ่ายการเดินทางยังไม่สมเหตุผล พบว่ามีการเบิกจ่ายทุกอาทิตย์ ไม่เว้นวันหยุดราชการ ยิ่งไปกว่านั้นคือ เบิกค่าเดินทางครบ 77 จังหวัดด้วย 

                                       “วัชระ”ร้องป.ป.ช.สอบ“สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์” กกต.ผลาญงบหลวง 

 

นายวัชระ กล่าวว่า ยังมีหลักฐานอีกว่า ศ.ดร.สันทัด เบียดบังเวลาราชการไปตีกอล์ฟที่เขาใหญ่ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.63 โดยใช้รถรับรองของราชการไปใช้ในภารกิจส่วนตัวโดยไม่มีสิทธิ์ และยังมีอีกหลายครั้ง เช่น การนำรถราชการและเจ้าหน้าที่ไปไหว้บรรพบุรุษของตนเองในสุสานจีน  เป็นการกตัญญูด้วยเงินภาษีของประชาชน แล้วยังเบิกจ่ายค่าน้ำมันรถประจำตำแหน่ง พร้อมเบี้ยเลี้ยงให้พนักงานขับรถและผู้ติดตาม โดยเบิกจ่ายสลับไปมาระหว่างรถ 2 คันอย่างผิดสังเกต 

 

จากการตรวจสอบอย่างละเอียด ยังพบการเดินทางไปราชการทั้งวันทำการ และวันหยุด ทำให้ผู้บริหารและพนักงานของส่วนราชการกกต.ไม่ได้พักผ่อน เพราะต้องมาคอยให้การต้อนรับดูแลอยู่เสมอ 
 

นอกจากนี้ยังพบพฤติการณ์ที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายและจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คือ การจัดเลี้ยงวันเกิดตัวเองเมื่อวันที่ 4 ม.ค.64 เวลาประมาณ 16.00 -22.00น. ศ.ดร.สันทัด กับพวก มีการดื่มสุรา- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ อาคารบี ซึ่งเป็นสถานที่ราชการด้วย 

 

จึงขอให้ ประธานป.ป.ช. ตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน เพื่อจะได้เป็นบรรทัดฐาน และจะได้ดำเนินการทางกฎหมายและประมวลจริยธรรมต่อไปอย่างเคร่งครัด พร้อมกับขอให้กันข้าราชการชั้นผู้น้อยไว้เป็นพยาน และให้ความคุ้มครองพยานตามกฎหมายป.ป.ช. เพื่อไม่ให้ราชการเสียหาย จากการถูกผลาญงบประมาณมากไปกว่านี้