วันที่ 21 ก.ค. 2564 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษพร้อมพยานหลักฐาน ที่สถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง เพื่อให้ตำรวจดำเนินการสอบสวน และขอศาลออกหมายจับ เพื่อนำบุคคลที่ร่วมชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค.64 ที่กระทำการอย่างผิดกฎหมายมาดำเนินการลงโทษโดยเร็ว โดยเฉพาะผู้ที่ฝ่าฝืน ปอ.มาตรา 112 ทั้งนี้บุคคลดังกล่าวได้กระทำการมิบังควร ด้วยการทำให้เสียหายซึ่งซุ้มพระบรมพระฉายาลักษณ์ หรือได้กระทำการโดยเจตนา ด้วยการพนสีสเปรย์สีดำบนพระบรมพระฉายาลักษณ์ จากนั้นได้จุดไฟวางเพลิงพระบรมฉายาลักษณ์ใกล้ตู้เอทีเอ็ม ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์ และพระเกียรติยศของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทย เหตุเกิด
บริเวณริมทางเท้าหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ศูนย์พณิชยการพระนคร ถนนนครสวรรค์ ท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมาก ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดหลายกรรม อาทิ
1.ความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์และพระราชินี อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
2.ความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ฯ ของผู้อื่นและทำให้เสียทรัพย์ โดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 217
3.ความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 27) ลงวันที่ 10 ก.ค.2564
4.ความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงฯ (ฉบับที่ 6) ลงวันที่ 16 ก.ค.2564 ที่ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพรโรคโควิด- 19 ในพื้นที่ที่มีประกาศหรือคำสั่งกำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด
5.ความผิดฐานร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกันหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย ชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดหรือกระทำ
การดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่มีการเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค อันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไม่อาจนิ่งเฉยปล่อยให้พวกที่ทรยศแผ่นดิน ไม่รู้จักบุญคุณแผ่นดิน ที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงปกป้องคุ้มครองและรักษาแผ่นดินไทยมาอย่างยาวนาน ได้มีที่ยืนในสังคมต่อไปได้ จึงต้องนำความมาแจ้งความเอาผิดบุคคลที่มีพฤติการณ์ดังกล่าว เพื่อเอาตัวมาสอบสวนและส่งศาลเพื่อพิพากษาลงโทษขั้นสูงสุดต่อไป