นายเทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมและข้อมูล ของพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ได้รับแจ้งจาก ทีมไทยสร้างไทย จ.เชียงราย ซึ่งมีที่ตั้งอยู่บนภูชี้ฟ้า ต.ตับเต่า อ.เทิง จ.เชียงรายว่า ยังมีพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งอาศัยอยู่บนพื้นที่สูงตามตะเข็บชายแดนกว่า10 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวนประมาณ 5-10% ยังไม่ได้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19
พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ดังกล่าวได้อาศัยอยู่กับครอบครัวที่ได้รับสัญชาติไทยมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ตนเองยังไม่ได้สัญชาติไทย ทั้ง ๆ ที่อยู่ในประเทศไทยมาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ประกอบสัมมาอาชีพ มีครอบครัวอยู่ในประเทศไทย เพียงแต่ยังไม่มีสัญชาติไทย ทำให้ยังไม่ได้ลงทะเบียนฉีดวัคซีน
ปัจจุบันประเทศไทยมีกลุ่มชาติพันธุ์ ที่มีความหลากหลายและตั้งถิ่นฐานกระจายอยู่ในจังหวัดต่างๆ ของประเทศ ครอบคลุม จำนวน 67 จังหวัด 56 กลุ่ม มีประชากรรวมประมาณ 6,100,000 คน ซึ่งตามประกาศของสำนักทะเบียนกลางจำนวนราษฎรไทย 66,186,727 คน ซึ่งกลุ่มชาติพันธุ์ มีจำนวนใกล้ 10% ของประชากร
จากรายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง สภาพปัญหาและแนวทางส่งเสริม และคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ในประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 55 ระบุว่า
“รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับการบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง เสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้พื้นฐานที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพ และการป้องกันโรค และสนับสนุนให้มีการพัฒนาภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด บริการสาธารณสุขตามวรรคหนึ่ง ต้องครอบคลุมส่งเสริมสุขภาพการควบคุม และป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพด้วย รัฐต้องพัฒนาการบริการสาธารณสุขให้มีคุณภาพและมาตรฐานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง” ซึ่งกลุ่มชาติพันธุ์มีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะถูกคุมครอง ซึ่งประชาชนชาวไทยทุกคน ต้องได้รับการดูแลในทุกระดับของสังคม
“รัฐบาลมีหน่วยงานที่มีประสบการณ์ที่ทำการดูแลกลุ่มชาติพันธุ์ และชายขอบอยู่แล้ว ก็คือศูนย์อนามัยกลุ่มชาติพันธุ์ ชายขอบ และแรงงานข้ามชาติ (ศอช.) จึงหวังว่า นายกฯประยุทธ์ จะให้ความใส่ใจประชาชนกลุ่มนี้บ้าง อย่าใส่ใจแต่การรักษาอำนาจ จนลืมรักษาชีวิตประชาชน” นายเทพฤทธิ์ ระบุ