ชง "คลายล็อก" สนามเทนนิส-สนามกอล์ฟ "สุชาติ ตันเจริญ" ร่อนหนังสือถึงนายก ฯ

07 ส.ค. 2564 | 05:21 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ส.ค. 2564 | 12:40 น.

“สุชาติ ตันเจริญ” ร่อนหนังสือถึงนายกฯ เสนอ ทบทวนมาตรการล็อกดาวน์ ปิดสนามกีฬากลางแจ้ง-เทนนิส-กอล์ฟ เหตุผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ พนง.-ครอบครัวเดือดร้อน เชื่อช่วยกระตุ้น ศก.ได้

วันนี้ (7 ส.ค.64) นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เปิดเผยว่า เนื่องจากได้รับเรื่องจากชมรมผู้ประกอบการสนามกีฬากลางแจ้ง โดยเฉพาะสมาคมผู้ประกอบการสนามเทนนิส และสนามกอล์ฟว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการยกระดับ และขยายพื้นที่ล็อกดาวน์ และปิดกิจการ/กิจกรรมของรัฐบาล

นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1

ทำให้ภาคเอกชนได้รับผลกระทบจากการประกอบธุรกิจ และพนักงานกว่าหมื่นครอบครัวเดือนร้อนจากการตกงานขาดรายได้ในการดำรงชีวิตและการเลี้ยงดูครอบครัว

จึงได้มีหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) เมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้พิจารณาทบทวนการอนุญาตให้มีการผ่อนผันเปิดบริการสนามกีฬากลางแจ้งบางชนิดในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร

“มาตรการควบคุมพื้นที่ กิจกรรม/กิจการของ ศบค.ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโดยตรง ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ กกร. หรือ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ที่ระบุว่า เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยปีที่ 2 และมีผลกระทบจากการยกระดับ และขยายพื้นที่ล็อกดาวน์ที่ได้สร้างความเสียหายทางเศษฐกิจกว่า 4 แสนล้านบาท” นายสุชาติ ระบุ

นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า มาตรการดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งเช่น การวิ่ง การเดินในสวนสาธารณะ และภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสนามกีฬากลางแจ้ง รวมถึงผู้ประกอบการสนามเทนนิส และสนามกอล์ฟที่ต้องปิดการให้บริการกับประชาชน

ทั้งนี้ การออกกำลังกายกลางแจ้งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกีพากอล์ฟซึ่งมีพื้นที่กว้าง อากาศปลอดโปร่งถ่ายเทได้ดี มีลมพัดช่วยลดจำนวนเชื้อโรคในอากาศอย่างรวดเร็ว และแสงแดดช่วยให้ผิวหนังสร้างวิตามินดี ซึ่งการปิดสนามกอล์ฟตามมาตรการดังกล่าวลดการแพร่ระบาดได้น้อยมาก ตามคำแนะนำของ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ

นอกจากนี้ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 ยังไม่เคยปรากฎว่า สนามเทนนิส หรือสนามกอล์ฟ เป็นแหล่งคลัสเตอร์ของการแพร่เชื้อโรคโควิด-19 แต่อย่างใด หากมีการพิจารณาอนุญาตให้ผู้ประกอบการเปิดให้บริการตามปกติโดยมีเงื่อนไขที่ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตาม จะเป็นการกระตุ้นเศษฐกิจอีกทางหนึ่ง 

“หาก ศบค.พิจารณาทบทวนการอนุญาตให้มีการเปิดสนามกีฬากลางแจ้งบางชนิด เช่น เทนนิส และกอล์ฟเชื่อว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ บรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ และพนักงานของสนาม และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ผ่อนคลายความเครียดอย่างปลอดภัย มีสุขภาพกาย และใจที่แข็งแรง เพื่อที่จะมีพลังรับมือกับวิกฤตครั้งนี้” นายสุชาติ กล่าว

นายสุชาติ กล่าวอีกว่า เชื่อว่าผู้ประกอบการสนามเทนนิส สนามกอล์ฟ รวมไปถึงสนามกีฬากลางแจ้งต่างๆ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือมาตรการต่างที่ภาครัฐได้กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 เช่น นักกอล์ฟ นักกีฬา และพนักงานในสนามต้องมีหลักฐานยืนยันว่าได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยคนละ 2 เข็ม ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข การจัดให้มีเจลแอลกอฮอล์ทุกจุด มีการวัดอุณหภูมิก่อนเข้าสนาม การจำกัดผู้เข้าใช้บริการที่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา รวมไปถึงการทำความสะอาดอุปกรณ์ และรถกอล์ฟก่อนให้บริการ โดยมีผ้ายางฉากกั้นเพื่อไม่ให้เกิดความใกล้ชิดระหว่าง พนักงานกับผู้ใช้บริการหรือนักกีฬา หรือระหว่างนักกีฬาด้วยกัน.