วันที่ 10 สิงหาคม 2564 เว็บไซต์ราชกิจนุเบกษา ได้เผยแพร่ ข้อกําหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๑) ระบุว่า
ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไป เป็นคราวที่ ๑๓ จนถึงวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ นั้น
โดยที่ได้มีการออกข้อกําหนดออกตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๘ (ฉบับที่ ๒๙) ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ แต่ต่อมา ศาลแพ่งได้มีคําสั่งให้ระงับการบังคับใช้ข้อกําหนดดังกล่าวเป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคําสั่ง เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) เห็นว่า แม้จะเป็นคําสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามคําขอในเหตุฉุกเฉินซึ่งศาล ยังไม่ได้กําหนดวันนัดเพื่อส่งหมายเรียกและสําเนาคําฟ้องให้คู่ความเพราะอยู่ระหว่างการแพร่ระบาด ของโรคซึ่งทวีความรุนแรงขึ้น และคู่ความอาจยื่นคําขอให้ศาลยกเลิกคําสั่งนั้นได้ตามมาตรา ๒๖๗ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง แต่เมื่อปรากฏว่าในทางปฏิบัติยังไม่ได้บังคับใช้ ข้อกําหนดนั้นแก่กรณีใดและเจ้าหน้าที่อาจนํามาตรการทางกฎหมายอื่นมาบังคับใช้ได้ตามที่ศาลกล่าวถึง
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๙ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๕ นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกําหนดให้ยกเลิกข้อกําหนดออกตามความในมาตรา ๔ แห่งพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๔ (ฉบับที่ ๒๙) ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
ประกาศ ณ วันที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรี
วันที่ 10 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มอบหมายให้นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนแทน กรณีฝ่ายค้านยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ตรวจสอบการออกข้อกำหนดฉบับที่ 29 ปิดกั้นหรือจำกัดสิทธิเสรีภาพในการเสนอข้อมูลข่าวสารว่า ศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวแล้วจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ซึ่งกรณีนี้ทางศบค.เห็นว่าเมื่อในทางปฏิบัติยังไม่มีการบังคับใช้ข้อกำหนดดังกล่าวในกรณีใดๆและเจ้าหน้าที่อาจจะนำมาตรการทางกฏหมายอื่นมาบังคับใช้ และวันนี้นายกฯได้ออกข้อกำหนดให้ยกเลิกข้อกำหนดดังกล่าวและให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคมเป็นต้นไปซึ่งข้อกำหนดนี้เป็นฉบับที่ 31 และมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเรียบร้อยแล้ว