“นิพิฐ”โต้ป.ป.ช.หลังโอดครวญอึดอัดถูกฟ้องจากคดีปาล์มอินโด

25 ส.ค. 2564 | 12:22 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ส.ค. 2564 | 19:29 น.

“นิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา”โต้ป.ป.ช.หลังโอดครวญรู้สึกอึดอัดเพราะถูกฟ้องหลายคดีที่เกี่ยวโยงปม “คดีปาล์มอินโด” ระบุหากทำคดีถูกต้องไม่มีใครไปฟ้องร้อง ยันไม่จำเป็นต้องประวิงเวลา เหตุไม่ได้ทำผิดแต่ถูกใส่ร้าย

กรณี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป.ป.ช.และนางสาวสุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ได้กล่าวระหว่างรับฟังความคิดเห็นครบรอบ 3 ปี พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2564 ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งระบุในทำนองคร่ำครวญว่า ตนเองรู้สึกอึดอัดเพราะถูกฟ้องหลายคดี เพื่อประวิงเวลา และใช้คำสั่งศาลเพื่อดูพยานเอกสารโดยคดีปาล์มอินโดฯ ถูกฟ้องเยอะที่สุด

 

นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหาในคดีปาล์มอินโดฯ ได้โต้แย้งว่า การให้ข่าวโอดครวญประหนึ่งว่า ป.ป.ช.ไม่ได้รับความยุติธรรมนั้น ไม่เป็นความจริง ทำคดีกันอย่างไรให้ถูกฟ้อง ถ้าทำถูกต้องไม่มีใครไปฟ้องพวก ชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่มีใครอยากยุ่งกับป.ป.ช.

 

สำหรับตนไม่จำเป็นที่จะต้องประวิงเวลา เพราะไม่ได้ทำผิด ถูกใส่ร้าย อยากพิสูจน์ตนเองให้พ้นบ่วงกรรม หรือพ้นขุมนรกนี้ให้เร็วที่สุด ฝ่ายป.ป.ช.เองที่ประวิงคดีเพื่อช่วยเหลือใครหรือไม่ ส่วนพยานเอกสารตนไม่จำเป็นต้องใช้คำสั่งศาลเพื่อขอดูพยานเอกสาร ในทางตรงกันข้ามเป็นฝ่ายที่นำส่งเอกสารให้กับป.ป.ช. โดยเฉพาะคุณสุภา หลายครั้งหลายหน หลายหมื่นแผ่น คุณสุภา ได้นำเข้าสำนวนหรือไม่ หรือนำมาพิจารณาหรือไม่

นายนิพิฐ ระบุด้วยว่า คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำหน้าที่ และคำวินิจฉัยในคดีสำคัญ ๆ ที่อยู่ในความสนใจและจับตามองของประชาชน ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดนี้ ได้สร้างความผิดหวัง และค้านความรู้สึกของผู้คนเป็นอย่างมาก ทั้งที่พยานหลักฐานต่าง ๆ เห็นประจักษ์ชัดแจ้ง อาทิ คดีการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ คดีเครื่องตรวจระเบิด GT 200 และอีกหลาย ๆ คดี รวมถึงกรณีอ้างว่าไม่สามารถเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของบางคนในรัฐบาลได้

 

หรือเรื่องอื่นที่สำคัญๆ เยอะแยะมากมายกลับไม่ทำ ยกตัวอย่างเช่น ในปัจจุบันวัคซีนอยู่ไหน ไม่มีวัคซีนเพียงพอ หรือมีแต่ไม่มีคุณภาพเป็นเหตุทำให้คนตายจำนวนมากหรือไม่  ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะเดียวกันคดีในส่วนที่มีการกล่าวหาฝ่ายตรงข้ามกับคนของรัฐบาล ซึ่งแม้แต่พยานหลักฐานไม่ชัดเจน คณะกรรมการ ป.ป.ช.กลับเร่งรัด

 

นายนิพิฐ  ยังยกคดีที่ป.ป.ช.ดำเนินการล่าช้า อาทิ บางเรื่องมีพยานหลักฐานปรากฏให้เห็นกันจะ ๆ  อย่างคดีรถ ขสมก. ซึ่งมีคนใน ป.ป.ช. บางคนเป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหารวมอยู่ด้วย ทั้งที่ประเทศชาติเสียหายมหาศาล ดังนั้น จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดคำครหา และกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้

ในส่วนของตน ในเมื่อไม่สามารหาความยุติธรรมจากป.ป.ช.ได้ และได้รับผลกระทบ หรือ ได้รับความเสียหายจากการกระทำของ ป.ป.ช. จึงต้องเรียกหาความเป็นธรรมผ่านศาลสถิตย์ยุติธรรม

 

นายนิพิฐ กล่าวว่า  ตนเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วัชรพล  นางสาวสุภา ปิยะจิตติ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 รวมทั้งสิ้น 4 คดี ตลอดเวลานับแต่ตนได้มีหนังสือกล่าวหา นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีตรัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคม กับพวก ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2556 เป็นต้นมา แต่คดีไม่มีความคืบหน้า เมื่อได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อประธานกรรมการ ป.ป.ช. ก็เงียบไม่ดำเนินการใดๆ เมื่อจัดส่งเอกสารหลักฐานต่างๆ ให้แก่นางสาวสุภาผู้รับผิดชอบสำนวน ก็ไม่นำเข้าสำนวนการไต่สวน

 

แต่ในขณะเดียวกันคดีที่ตนเองถูกนายไพรินทร์ มีหนังสือกล่าวหา คณะกรรมการ ป.ป.ช. กับเร่งพิจารณาคดีและแจ้งข้อกล่าวหา โดยไม่นำพยานหลักฐานที่นำส่งให้มาประกอบการวินิจฉัย 

 

“ผมรู้สึกอัดอั้นตันใจอย่างมาก ผมทำงานให้กับ ปตท. ด้วยความทุ่มเทมาตลอด 30 กว่าปี มีประวัติการทำงานโดดเด่น แต่ต้องมาถูกกล่าวหาว่าทุจริต โดยไม่มีโอกาสบอกว่าความจริงว่าเป็นอย่างไร  ถูกไล่ออกโดยไม่ได้รับผลตอบแทนจากการทำงานดีเด่นมาตลอดแม้แต่บาทเดียว”

 

ส่วนคดีปาล์มอินโดฯ มีการกล่าวหากันจนถึงวันนี้ผ่านไปจะ 10 ปีแล้ว ยังสรุปไม่ได้ ซึ่งตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริงข้อมูลการทุจริต และพยานหลักฐานอยู่อย่างพร้อมมูล และได้ส่งให้แก่ป.ป.ช.ไปแล้ว เมื่อติดตามความคืบหน้าการไต่สวนก็ได้รับคำตอบเพียงว่ายังไม่เสร็จ แต่ไม่ได้บอกว่าถึงไหนและยังเหลืออะไรอีก

 

เมื่อผมรวบรวมพยานหลักฐานยื่นฟ้อง นายไพรินทร์ กับพวก ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง รวมทั้งสิ้น 6 คดี  แต่จนกระทั่งปัจจุบันคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ได้เริ่มลงมือไต่สวนข้อเท็จจริงในประเด็นที่ตนได้กล่าวหาและยื่นฟ้องทั้ง 6 คดีแต่อย่างใด