“แรมโบ้”อัด“สุทิน"ยันนายกฯไม่จำเป็นต้องอำพรางสถานการณ์โควิด-19 ให้ดูดี

29 ส.ค. 2564 | 08:49 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ส.ค. 2564 | 15:58 น.

“แรมโบ้”อัด“สุทิน คลังแสง" ยันนายกฯ-รัฐบาลไม่จำเป็นต้องอำพรางสถานการณ์โควิด-19 ให้ดูดี เพื่อลดน้ำหนักการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะนายกฯ-รัฐมนตรี ชี้แจงได้อยู่แล้ว สิ่งใดเป็นเรื่องดีก็หัดยอมรับความจริงบ้าง

นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายสุทิน คลังแสง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะทำงานอภิปรายไม่ไว้วางใจสงสัยตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดลงผิดสังเกต และเกรงรัฐบาลจะอำพรางสถานการณ์ให้ดูดี เพื่อลดน้ำหนักการอภิปรายและเอาตัวเองให้รอด โดยยืนยันว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 รัฐบาล หรือ ศบค.ไม่มีการปกปิดข้อมูล เพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่ประชาชนจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง 

 

ขณะเดียวกันยังไม่มีความจำเป็นที่นายกฯ และรัฐบาลจะปกปิดข้อมูล เพื่อลดน้ำหนักในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ  เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ว่าสถานการณ์การระบาดเชื้อโควิด-19 จะเป็นอย่างไรนายกฯ และรัฐมนตรี สามารถชี้แจงได้อยู่แล้วตามข้อเท็จจริง

 

นายเสกสกล ระบุว่า การที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น ก็เกิดจากการตรวจหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก และจากความร่วมมือของประชาชนที่ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข รวมถึงมาตรการที่ ศบค.ออกมา จึงไม่แปลกที่จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง

 

แต่ทั้งนี้จากการผ่อนคลายมาตรการนั้น ก็มีความสำคัญ เพราะจะต้องดูแลผู้ประกอบการต่างๆ ให้มีรายได้ เศรษฐกิจจะได้เริ่มกระเตื้องขึ้น ทั้งนี้การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ยังต้องทำควบคู่ไปกับการดำเนินการภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดด้วย

 

“การที่จะออกมาตรการต่างๆ หรือคลายล็อกดาวน์ นายกฯ ไม่ได้พิจารณาเพียงคนเดียว จะต้องรับฟังทีมแพทย์ก่อน ซึ่งหากเห็นว่าทำได้ก็ทำ ทั้งนี้การคลายล็อกดาวน์ก็ยังคงมาตรการอื่นๆไว้อยู่ด้วย เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดต่อ ดังนั้นให้นายสุทิน มั่นใจได้ว่ารัฐบาล ศบค.จะทำทุกอย่างให้สถานการณ์ผู้ติดเชื้อลดลงให้ได้"     

 

นอกจากนี้ตนเองยังสงสัยว่า ขณะนี้สถานการณ์ในประเทศกำลังดีขึ้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง แต่เหตุใดนายสุทิน จึงออกมาตั้งข้อสังเกต ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย หรืออาจเป็นเพราะไม่อยากให้สถานการณ์ในประเทศดีขึ้นใช่หรือไม่  เพราะพรรคเพื่อไทยจะได้นำไปเป็นประเด็นในการกล่าวโจมตีนายกฯ และรัฐบาล ซึ่งตนเองก็ขอให้หยุดและหัดยอมรับความจริง อะไรที่เป็นเรื่องที่ดีของประเทศก็ควรที่จะยอมรับกันบ้าง

 

“แกนนำคนพรรคเพื่อไทยบางคน มีสมองเป็นลักษณะเป็นโรคลักปิดลักเปิด สับสนไม่อยู่กับร่องกับรอย พอรัฐบาลล็อกดาวน์ก็ต่อว่าด่าทอ พอรัฐบาลแก้ไขสถานการณ์เริ่มดีขึ้นจะคลายล็อก ผ่อนปรนให้เศรษฐกิจเดินไปได้ก็โจมตีอีก สุดท้ายเลยไม่รู้จะเอาอย่างไรกันแน่ เหมือนคนสมองสับสน เหมือนคนเป็นโรคจิตไม่ปกติ ประชาชนเลยมึนงงกับคนในพรรคเพื่อไทยว่าตกลงเอาไงกันแน่ เล่นการเมืองแบบสกปรกเลอะเทอะมากเกินไปหรือเปล่า" นายเสกสกล ระบุ