วันที่ 1 ก.ย. 2564 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ขอความเป็นธรรม เพราะได้ทำเพื่อประเทศมาตลอด แต่ฝ่ายค้านไม่ยอมมองแง่ดี ยกเรื่อง การเปิดประเทศ 120 วัน เริ่มที่จ.ภูเก็ต และจะขยายไปที่อื่นๆ เพราะทุกอย่างต้องเดินหน้า จึงได้เจรจาความพร้อมด้านท่องเที่ยวกับต่างประเทศและแก้กฎหมาย ถ้ายังทำไม่ได้ ก็เปิดบางส่วนไปก่อน เพราะเมื่อยังมีโรคระบาดอยู่ จำนวนนักท่องเที่ยวย่อมน้อยเป็นปกติ
ส่วนเรื่องจีดีพีนั้น ขออย่าฉวยโอกาสโจมตี ช่วงโควิด ไม่มีประเทศใดมีจีดีพีสูง ส่วนการขยายเวลาชำระหนี้ เรื่องซอล์ฟโลนอาจต้องใช้เวลาแก้ไข เพราะสั่งสมมานาน ไม่ใช่มาหาเสียง เพราะสภาฯ คือ เวทีของการช่วยแก้ปัญหา “ผมฟังทุกฝ่าย แต่ไม่เคยเรียกใครไปที่บ้าน ไม่เคยมีแขกไปที่บ้าน10 กว่าปีแล้ว ไม่เคยไปเที่ยว นอกจากไปทำงาน กับทำเนียบรัฐบาล แต่ฟังที่ฝ่ายค้านพูดแล้วอเน็จอนาถใจ ข้อมูลบิดเบือน ไม่มีข้อเท็จจริง อย่างเรื่องต่างประเทศ ก็ดำเนินนโยบายอย่างสมดุลระหว่างทุกมหาอำนาจ จะหาว่า ไปเป็นเมืองขึ้นใคร เราไม่เคยเป็นเมืองขึ้นใคร พูดแบบนี้เสียเกียรติภูมิประเทศ ในเวทีต่างประเทศ”
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านแนะนำอะไรมา ขอให้ช่วยกันด้วย อย่าทำให้คนแตกแยก 2ฝ่าย จะไม่เกิดความร่วมมือ เรื่องการชุมนุมที่็บอกว่าถูกกฎหมาย ถ้าถูกกฏหมายจริง ใครจะไปทำอะไรได้ และย้ำว่า “ไม่สมควรเลย ที่มี ส.ส.บางคนไปอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ผมก็กลัวกฎหมาย กลัวการทุจริต เพราะมีตัวอย่างถูกลงโทษให้เห็นเรื่องการหนีคดี ไม่ต้องมาขู่ ผมเคารพกระบวนการยุติธรรม อย่าขู่บ่อยนัก อย่าบอกรัฐบาลไม่ฟังเสียงประชาชน แต่ต้องหาวิธีเหมาะสมดำเนินการ ไม่ใช่ขออะไรมาได้หมด มาตรการผ่อนคลายมีมาตลอด หลายอย่างอย่าให้ดราม่ามากนัก เอาข้อมูลโชเซียลมาพูด ต้องวิเคราะห์ข้อมูลให้ดี”
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า รัฐบาลต้องทำงานแก้ปัญหาเดิมที่หมักมายาวนาน วันนี้มาเจอโควิด ก็ต้องแก้โควิด จะบอกไม่มีอนาคตได้อย่างไร อย่าทำลายความเชื่อมั่นให้ไปหมด ส่วนการกู้เงิน เมื่อมีความจำเป็นก็ต้องกู้ แต่กู้มาแล้วทำให้เกิดเป็นเม็ดเงิน ทำโครงสร้างพื้นฐานทุกอย่าง ไม่ใช่คิดกู้แล้วจะไม่หาเงินมาผ่อนชำระ
เรื่องการฟื้นตัวประเทศอาจช้าลง เพราะรายได้ประเทศส่วนใหญ่มาจากท่องเที่ยวที่ลดลงจากโควิด แต่ประเทศอื่นก็มีโควิด มีการบาดเจ็บล้มตายมากว่าเราหรือไม่ "ผมเสียใจและขอโทษ ถ้าทำอะไรให้ไม่พอใจ เป็นลูกผู้ชายพอ ไม่ใช่วิธีแยบยลมาบ่อนทำลายกัน ผมนับถือหลายคนเป็นคนดี รักประเทศ แต่บางคนรักตัวเองมากกว่า ขอให้เลิกซะที ขอให้นึกถึงประเทศ ผมมั่นใจว่า ภายใน 4-5ปี ประเทศไทยจะเห็นหน้าเห็นหลังแน่นอน โครงสร้างต่างๆที่ทำไว้จะเห็นผล ส่วนเรื่องวัคซีนก็พร้อมฉีดให้ภายในปีนี้ และจะได้วัคซีนครบ ไม่อยากให้วัคซีนเป็นสินค้าที่เป็นข้อขัดแย้งทางการเมือง อย่าเอาโชเชียลมาสู้กับตน เอาข้อเท็จจริงมาสู้".