วันนี้(14 ก.ย.64) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เต็มคณะ เป็นครั้งที่สอง หลังจบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน นั้น เป็นที่สังเกตว่า พล.อ.ประยุทธ์ ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ จนเห็นได้ชัดตั้งแต่ช่วงเช้า โดยได้เดินทักทายรัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ รอบห้อง บางช่วงมีแซวหยอกล้ออย่างเป็นกันเอง
และน่าสังเกตว่า วันนี้มีรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ พยายามเข้าหา พล.อ.ประยุทธ์ มากขึ้น หลังจากเกิดเหตุปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากรัฐมนตรี โดยเฉพาะ นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคมรัฐมนตรี ในกลุ่ม 4 ช. ที่ปกติไม่เคยเข้าหา ไม่เคยเดินตาม และไม่เคยเดินไปรับส่ง พล.อ.ประยุทธ์ เลย แต่จะคอยไปรับส่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มากกว่า
ขณะที่ช่วงท้ายการประชุม ปรากฏว่า เป็นครั้งที่สองแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้รับฟังความเห็นส.ส. ซึ่งเคยพูดมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อการประชุม ครม.สัปดาห์ก่อน โดยได้กล่าวกับ ครม.ว่าขอบคุณที่ร่วมกันทำงาน มีความสามัคคี รัฐบาลต้องทำงานร่วมกับ ส.ส. ก็ขอให้ ครม.ได้รับฟังความเห็นของ ส.ส.มากขึ้น เพราะ ส.ส.เป็นตัวแทนประชาชน ขอให้ทำงานร่วมกันในพื้นที่ส.ส.ต้องการรูปแบบไหนก็ขอให้ทำงานร่วมกันในพื้นที่ ต้องทำงานร่วมกันดูแลให้เหมาะสมตามกฎหมาย
ขณะท่าทีระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร ในที่ประชุมครม.นั้น มีการหันไปพูดคุยกันเป็นระยะ บางช่วงมียิ้มแย้ม และหัวเราะให้กัน รวมถึงช่วงพักเบรกการประชุม ทั้งสองคนก็นั่งอยู่ในห้องรับรองด้วยกัน โดยมีรัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการเข้าไปพูดคุยหารือตามปกติ
นอกจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ถือโอกาสกล่าวอวยพรวันคล้ายวันเกิดย้อนหลัง อายุครบ 55 ปี ให้กับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ที่มีวันคล้ายวันเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.ย. พร้อมกับอวยพรวันคล้ายวันเกิดล่วงหน้า อายุครบ 70 ปี ให้กับนายวิษณุ เครืองามรองนายกรัฐมนตรี ที่มีวันคล้ายวันเกิดในวันที่ 15 ก.ย.
ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์ ได้เชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และแกนนำรัฐบาล มาที่ห้องรับรอง เพื่อดื่มกาแฟ และพูดคุยอย่างเป็นกันเอง โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้บอกกับทุกคนในห้องว่า ถ้ามีปัญหาอะไรให้พูดคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันให้มากๆ “ผมก็ยังอยู่ของผมอย่างนี้ ขอให้ทำงานกัน สามัคคีกัน แล้วก็เตรียมตัวเลือกตั้งกันไปอีกปีกว่าๆ”