พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ที่จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2564 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น โดยมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมอย่างคึกคัก ภายใต้ชื่องาน “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน”
วาระสำคัญคือ การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่ หลังนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค
“อุ๊งอิ๊ง”ลุยการเมือง
อย่างไรก็ตาม ได้เกิด “เซอร์ไพรส์” ขึ้น เมื่อปรากฏว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ส่งบุตรสาวคนเล็ก คือ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร เข้ารับตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ของพรรคเพื่อไทย
ภายหลัง นายสมพงษ์ ได้ เปิดตัว แพทองธาร เข้ารับตำแหน่งดังกล่าวแล้ว
แพทองธาร ได้ขึ้นเวทีเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ ช่วงหนึ่งระบุถึงการเข้ามาทำหน้าที่ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ว่าเพื่อเชื่อมต่อระหว่างรุ่นสู่รุ่นให้คนแต่ละรุ่นเข้าใจกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความคิด วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม
“ขณะที่เรากำลังพูดกันนักวิทยาศาสตร์ทั่วทุกมุมโลกกำลังคิด ค้นนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อประโยชน์ของโลก แต่มองเห็นว่า คนไทยพลาดกระบวนการพัฒนาเหล่านั้น คิดว่าเด็กรุ่นใหม่ยังคิดว่าพวกเขาพลาดขบวนเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ก้าวเข้ามา ขณะที่เทคโนโลยีก้าวผ่านไปเรื่อยๆ โดยที่พวกเขาไม่มีโอกาสคว้าเทคโนโลยีใหม่ๆ”
แพทองธาร กล่าวว่า ช่วงที่ผานมามีโอกาสได้ไปเยี่ยม นายทักษิณเกือบทุกเดือน เมื่อไปทุกครั้งได้ไปคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น นายทักษิณ เป็นคนสนใจเรื่องเทคโนโลยีและมีความรู้ใหม่ๆ มาแลกเปลี่ยนเสมอ
หวังพท.แกนตั้งรัฐบาล
“ส่วนตัวสัมผัสการเมืองตอนอายุ 8 ขวบ ตั้งแต่ นายทักษิณ เป็นรมว.การต่างประเทศ เป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม กระทั่งตั้งพรรคไทยรักไทย นายทักษิณพาไปหาเสียงตามพื้นที่ต่างๆ ตลอดเวลาที่ติดตามคุณพ่อ สงสัยว่าทำไมคุณพ่อทุ่มเทโดยไม่เหน็ดเหนื่อย หรือ ท้อแท้ จนวันนี้เข้าใจแล้วว่า เมื่อท่านไปพบประชาชน แบ่งเบาความทุกข์ประชาชนนั่นคือพลังใจที่แท้จริง ท่านได้ช่วย ให้คนไม่มีโอกาสให้มีโอกาสเพิ่มขึ้นในชีวิตดีกว่าที่เป็นอยู่ นั่นคือพลังใจของคุณพ่อ”
แพทองธาร กล่าวว่า ต้องการให้คนรุ่นใหม่ได้รับโอกาส ภายใต้มิติการเมืองแบบนี้ ทำให้พวกเขามองไม่เห็นอนาคต ซึ่งเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขา
“คิดว่าพรรคเพื่อไทยอาจมีโอกาสได้เป็นพรรคการเมืองหลักและเข้ามาแก้วิกฤติิต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเมือง สังคมและวิกฤติิโอกาสของคนรุ่นใหม่ จึงตอบรับเป็นที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม”
แพทองธาร กล่าวด้วยว่า ตั้งใจอยากใช้ประสบการณ์ของคนเจนวาย เข้ามาร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อพัฒนาโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่ได้มีความหวัง ความฝันและทำความฝันของพวกเขาให้เป็นจริง
“ทักษิณ”อยากกลับไทย
ทั้งนี้ อยากปฏิรูป 3 เรื่องหลักคือ 1. ปฏิรูปการศึกษา เพราะการเข้าถึงเทคโนโลยีน้อยมาก 2. ปฏิรูปเทคโนโลยีต้องเข้าถึงเทคโนโลยีให้มากกว่านี้ และ 3. ต้องส่งเสริมซอฟต์เพาเวอร์อย่างจริงจังเหมือนเกาหลี บราซิล ญี่ปุ่น โดยเฉพาะเสรีภาพทางความคิด ดังนั้น ผู้นำของประเทศจะต้องมีหัวใจประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
“ขอขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย คิดว่าแนวคิดเหล่านี้จะทำให้พรรคเพื่อไทย กลายเป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริงทุกรุ่น ทุกวัย ทุกฐานะทางสังคมและทุกภาคส่วน ไม่ว่าคนไทยจะคิดต่างกันอย่างไร เราล้วนเป็นคนไทยด้วยกัน และอยากเห็นประเทศเจริญก้าวหน้าต่อไป ขอขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนดิฉันจะตั้งใจทำงานเต็มที่ในฐานะที่ปรึกษา”
แพทองธาร ระบุด้วยว่า “แม้จะไม่ใช่นักการเมือง แต่ขอมุ่งมั่นทำงานด้วยความตั้งใจจริงในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ในฐานะลูกของคุณพ่อที่ไม่เคยลืมบุญคุณแผ่นดินไทย ไม่เคยลืมพี่น้องคนไทยที่ไม่เคยลืมท่าน และคุณพ่อหวังว่าจะได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง และกราบผู้มีพระคุณ”
กั๊กเป็นแคนดิเดตนายกฯ
นางสาวแพทองธาร ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า “ไม่ได้มาทำงานในฐานะนักการเมือง แต่มาในฐานะที่ปรึกษาเท่านั้น ส่วนโอกาสทำงานการเมืองเป็นเรื่องอนาคต ตอนนี้เป็นก้าวแรกขอทำให้ดีก่อน”
สำหรับการเปิดตัวถูกมองว่าเหมือนเป็นตัวแทนของ นายทักษิณ ที่กลับมาทำงานพรรคเพื่อไทย นางสาวแพทองธาร ตอบว่า ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน ก็แยกภาพตนกับนายทักษิณออกจากกันไม่ได้อยู่แล้ว เนื่อง จากมีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกัน
ส่วนการตัดสินใจร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ใช้เวลานานหรือไม่ และปรึกษาพ่ออย่างไรบ้าง นางสาวแพรทองธาร กล่าวว่า “เป็นเรื่องที่เราคุยอยู่แล้ว การมาในฐานะที่ไม่ใช่นักการเมืองรู้สึกสบายใจมากกว่า และคิดว่าสามารถทำได้”
เมื่อถูกถามว่าในอนาคตหากถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย จะรับตำแหน่งหรือไม่ นางสาวแพทองธาร ยืนยันว่า ยังไม่คิดเรื่องนั้น ขอทำหน้าที่ปัจจุบันให้ดีก่อน รวมทั้งดูกระแสตอบรับจากในพรรคด้วย หากมีโอกาสนั้นค่อยมาสัมภาษณ์อีกรอบ
นางสาวแพทองธาร กล่าวด้วยว่า การมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ครอบครับให้กำลังใจดี จึงขอตั้งใจทำหน้าที่ก่อน ส่วนเรื่องอื่นขอให้เป็นเรื่องของอนาคต
“ทักษิณ-โอ๊ค”เชียร์อุ๊งอิ๊ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โอ๊ค-พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายคนโตของนายทักษิณ ที่เพิ่งบินไปดูไบ เยี่ยมคุณพ่อ ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ขณะที่นั่งดูบรรยากาศประชุมพรรคเพื่อไทยกับนายทักษิณ ขณะที่ อุ๊งอิ๊ง ได้ขึ้นเวทีเปิดตัวเข้ารับตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม ของพรรคเพื่อไทย พร้อมแคปชั่นว่า “ตัวอยู่ไกล ขอส่งใจไปเชียร์ 2 ดวงนะ #แม่อิ๊งค์สู้สู้”
เปิดประวัติ“อุ๊งอิ๊ง”
แพทองธาร ชินวัตร มีชื่อ เล่น “อุ๊งอิ๊ง” เกิดเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2529 ที่สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันอายุ 35 ปี เป็นบุตรสาวคนสุดท้อง ในพี่น้อง 3 คน ของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กับ คุณหญิงพจมาน ณป้อมเพชร มี โอ๊ค พานทองแท้ เป็นพี่ชายคนโต และพี่สาวคือ เอม-พินทองทา
สำเร็จการการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย ก่อนศึกษาต่อที่คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี รัฐศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2551
และไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ สาขาวิชา Msc International Hotel Management ที่ Surrey University
ปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ในบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่นเป็น ประธานเจ้าหน้าที่ด้านบริหารกลุ่มธุรกิจโรงแรม บริษัท เรนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และกรรมการบริษัทธุรกิจในเครือ เช่น โรงแรม โรสวูด กรุงเทพฯ โรงแรม เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ สนามกอล์ฟอัลไพน์โรงแรมเอสซี ปาร์ค
แพทองธาร สมรสกับ ปิฎกสุขสวัสดิ์ มีบุตรด้วยกัน 1 คน
"ชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าเพื่อไทย
ผลการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย (พท.) ปรากฏว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยไม่มีคนอื่นเสนอตัวเป็นคู่แข่ง
ขณะที่รองหัวหน้าพรรค ประกอบด้วย นายยุทธพงศ์จรัสเสถียร, นายสุทิน คลังแสง, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ และนายสรวงศ์ เทียนทอง
โดยมีการปรับเปลี่ยนแทน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง และ นายพิชัย นริพทะพันธ์ ที่ลาออกจากตำแหน่ง
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคตามเดิม
ส่วน นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เป็นโฆษกพรรคแทน นางสาวอรุณี กาสยานนท์ ที่ปรับเปลี่ยนไปเป็นตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคแทน
นอกจากนี้ยังมีการปรับตำแหน่งเหรัญญิกพรรค เป็น นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์
รายงาน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,727 หน้า 12 วันที่ 31 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน 2564