ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 20.00 น. วันที่ 26 ต.ค.2564 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือ โทนี่ วู้ดซัม ได้ร่วมพูดคุยในรายการ CareTalk x Care Clubhouse ในหัวข้อ "วันนี้ประยุทธ์ พรุ่งนี้…ใคร?" ตอนหนึ่งระบุถึงความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่กำลังจะเปลี่ยนเลขาธิการพรร คว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณว่า คุณประยุทธ์(จันทร์โอชา) อยากอยู่นาน จึงต้องเปลี่ยน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พลังประชารัฐ เหมือนเป็นการประกอบกำลังของคนที่มาจากคนละหลายแหล่ง โอกาสที่จะให้เกิดการไม่ลงตัวเรื่องผลประโยชน์จึงมีสูง จึงมีการต่อสู้ งัดข้อกัน แต่ที่สุดแล้ว ก็น่าจะเอาไม่อยู่
“คุณธรรมนัสแกเป็นนักเลง ถ้าพูดกับแกดีๆ อาจจะพูดรู้เรื่อง แต่ถ้าเล่นกับแก ผมว่าแกไม่ยอม เรื่องไม่จบ ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐ ยังไม่จบ ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนกรรมการ ตั้งเลขาฯ ใหม่แล้วทุกอย่างจะจบ เพราะมันเป็นพรรคที่มาประกอบกันเพียงชั่วคราว ผมคิดว่าจริงจะไม่จบง่ายๆ”
นายทักษิณ ยังกล่าวถึงกรณีคลิปลับที่แกนนำพรรคเพื่อไทยเสนอให้ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เข้ามาเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทย จนถูกร้องเรียนยุบพรรค ว่า งานเลี้ยงดังกล่าว มีคนโทรมาชวนให้ช่วยพูดอวยพรวันเกิดย้อนหลังนายเกรียง กัลป์ตินันท์ โดยนายเกรียง ก็เลยถามเรื่องของครอบครัว ว่าจะให้คุณหญิงพจมาน มานำพรรคได้หรือไม่ ซึ่งก็เป็นเรื่องภายในบ้าน ไม่ได้เป็นการประชุมพรรค อย่าไปเสียเวลากับเรื่องพวกนี้ เอาเรื่องใหญ่ๆ ดีกว่า ว่าพรรคไหนจะเสนอแนวทางนั้นให้ประชาชน
นายทักษิณ ยังพูดถึงคุณสมบัติของผู้ที่เหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ว่า หัวใจต้องเป็นประชาธิปไตย คือหัวใจเป็นของประชาชน ไม่ได้มองประชาชนเป็นพลทหาร และจะต้องตามโลกให้ทัน เพราะการเป็นผู้นำคือการเป็นเจ้าภาพที่จะนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศที่ดีขึ้น ถ้าผู้นำไม่เป็นเจ้าภาพในการเปลี่ยนแปลง แล้วใครจะเปลี่ยนแปลง
มีคนถามว่าคนเจเนอเรชั่นใดเหมาะจะเป็นนายกฯ คนต่อไป นายทักษิณ ตอบว่า เจน x เป็นเจนที่กำลังอยู่ในวัยทำงานและมีความเข้าใจในเทคโนโลยีโลกยุคใหม่ แต่เบบี้บูมเมอร์ต้องตามทุกเรื่องจริงๆ ถึงจะเอาอยู่ เพราะเราเกิดมาในยุคอนาล็อก
“คนที่จะเป็นนายกฯ นั้น ยังต้องเข้าใจเศรษฐกิจเป็นอย่างดี เพราะความคิดของคนที่กินเงินเดือน จะไม่คิดเลยว่าเงินขาดมือนมันคืออะไร ไม่เข้าใจว่าคนหาเช้ากินค่ำนั้นเป็นอย่างไร"
เมื่อถามว่าพื้นฐานภาษาอังกฤษของผู้นำประเทศควรจะต้องเป็นอย่างไร นายทักษิณ ตอบว่า วันนี้ภาษาอังกฤษแทบเป็นภาษาสากล ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ต้องใช้ อย่างฮุนเซนตอนเป็นนายกฯใหม่ ภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่วันนี้ได้แล้ว คิดว่าใช้เวลาไม่กี่ปี ภาษาดีขึ้นแล้ว
“แต่นายกฯ คนนี้ ภรรยาเป็นถึงครูสอนภาษาอังกฤษนะ น่าจะต้องไปเรียนกับเขา”
นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า อีกคนที่จะพูดถึงคือปูติน เขาใช้ภาษารัสเซียตลอด แต่เวลาคุยกันกับผม คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ แม้จะพูดภาษาตัวเองแต่เวลาสนทนากันต้องรับกัน ไม่งั้นเราไม่มีเพื่อนนะ พอเราสนิทสนมก็คุยกันง่าย อย่างโคอิซูมิ อดีตนายกฯญี่ปุ่น อยู่ด้วยกัน 2 คน คุยกันรู้เรื่อง แหย่เล่นกันได้ เพราะฉะนั้นภาษาอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็น อย่างน้อยคุยเล่นกันได้ ภาษาทางการเป็นอังกฤษดีกว่า คนจะได้เข้าใจทันที แต่เวลาเจรจา กลัวจะจับไม่ทัน มีคนแปลให้ก็ไม่ว่ากัน แต่อย่างน้อยต้องรู้ ผมไม่ชอบคนแปลไปมา แม้ผมภาษาจะไม่เป๊ะก็ตาม ผมเชื่อว่า ประยุทธ์จะเป็นนายกฯ คนสุดท้าย เพราะว่าคนต่อไปอายุน้อยก็จะพูดอังกฤษได้แล้ว
เมื่อถูกถามว่ามีโอกาสที่คนในตระกูลชินวัตร จะขึ้นมานำพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดี แต่ยังไม่มีคำตอบ การเมืองมันซับซ้อน เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรใครอยากปรึกษาในเรื่องการต่างประเทศ ก็ยินดี ไม่คิดสตางค์ อยากช่วยบ้านเมือง