วันที่ 19 พ.ย. 2564สถาบันวิจัยและพัฒนาสังคมเครือข่ายองค์กรวิชาชีพครูแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง "ทิศทางการเมืองไทยหลังเปิดประเทศ" ในระหว่างวันที่ 5 - 17 พฤศจิกายน 2564 จากการสุ่มตัวอย่างประชากรผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปี ทั่วประเทศจำนวน 1,500 คน
หัวข้อความคิดเห็นต่อการเปลี่ยนแปลงในพรรคฝ่ายค้านและพรรครัฐบาล การที่พรรคเพื่อไทยแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง ลูกสาวอดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นประธานที่ปรึกษาพรรค มีอิทธิพลต่อการครอบงำพรรคหรือไม่ มากที่สุดร้อยละ 90.44 การที่พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ประกาศนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 และ 116 เห็นด้วยหรือไม่ อยู่ที่ ไม่เห็นด้วยร้อยละ 93.74
พล.อ.ประยุทธ์ ควรตั้งพรรคการเมืองใหม่ ที่มีนักการเมืองคุณภาพและนโยบายที่เกิดจากการร่วมคิดของประชาชนทุกกลุ่มหรือไม่ มากที่สุดร้อยละ 90.6 หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ เห็นว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ควรย้ายไปร่วมสร้างพรรคด้วยหรือไม่อยู่ที่ มากที่สุดร้อยละ 91.9 และ พล.อ.ประยุทธ์ ควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อีกสมัยหรือไม่ มากที่สุดร้อยละ 73.74
ส่วนหัวข้อคาดว่าผู้ใดจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไป ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 40.16 เห็นว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และร้อยละ 15.60 คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อันดับที่ 3 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ร้อยละ 11.22 และอันดับ 4 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ร้อยละ 9.83
ศักยภาพของพรรคฝ่ายค้าน และม็อบปฏิรูปสถาบัน จะสามารถล้มรัฐบาลได้หรือไม่ ล้มไม่ได้ร้อยละ 78.4 ในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ฝ่ายค้านควรร่วมมือกับรัฐบาล แก้ไขปัญหาของชาติมากกว่ามุ่งโจมตีล้มล้างกัน มากที่สุดร้อยละ 90 และไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง ใช้อาวุธ เผาทำลายสถานที่ราชการ หยาบคาย จาบจ้วงสถาบัน ละเมิดกฎหมาย ใช้ข้อมูลเท็จ และสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน มากที่สุดร้อยละ 96.32
ขณะที่หัวข้อความคิดเห็นต่อสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน หรือประชาชนมีความพึงพอใจต่อการเปิดประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศ มากที่สุดร้อยละ 97.14
สำหรับหัวข้อความพึงพอใจต่อผลงานของรัฐบาลด้านต่างๆ พบว่า การที่รัฐบาลใช้มาตรการและระดมพลังคนไทยทุกภาคส่วน ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เกินร้อยละ 70 จนสามารถเปิดประเทศได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก มากที่สุดร้อยละ 75.34 การเยียวยาประชาชนทุกสาขาอาชีพในสถานการณ์โควิด-19 เช่น โครงการคนละครึ่ง เราชนะ ปล่อยสินเชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เยียวยาประชาชนทุกกลุ่ม มากที่สุดร้อยละ 91.38 และการสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือ อีอีซี เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอาเซียนและระดับทวีป มากที่สุดร้อยละ 87.54