ประเด็นร้อน "จะนะ" กสม.ร่อนแถลงการณ์ 3 ข้อ ขอปล่อยตัวผู้ชุมนุม

07 ธ.ค. 2564 | 09:03 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ธ.ค. 2564 | 16:10 น.

กสม. ออกแถลงการณ์ เรียกร้อง 3 ข้อ ขอ จนท.ปล่อยตัวผู้ชุมนุม "เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น" หลังถูกสลายม็อบ จับตัวเมื่อวานนี้ พร้อมขอให้เปิดฟังเสียงประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ

แถลงการณ์คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เรื่อง ขอให้ปล่อยตัวผู้ชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นและเร่งรับฟังเสียงของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ว่า...

 

ตามที่ปรากฏเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเข้าควบคุมตัวผู้ชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ซึ่งเดินทางจากจังหวัดสงขลาเข้ามาปักหลักชุมนุม ณ บริเวณทำเนียบรัฐบาล เมื่อช่วงดึกของวันที่ 6 ธันวาคม 2564 เพื่อทวงสัญญาจากรัฐบาลในการแก้ปัญหาโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะที่เคยตกลงกันว่าจะจัดให้มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในเชิงยุทธศาสตร์ หรือ SEA แบบมีส่วนร่วมก่อนดำเนินการโครงการ นั้น

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวด้วยความห่วงใย โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 ธันวาคม 2564 นางปรีดา คงแป้น และนางสาวศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นที่ถูกควบคุมตัว ณ สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต  กรุงเทพฯ 

 

โดย กสม. เห็นว่าเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนที่ได้รับการรับรองตามกติการะหว่างประเทศและรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งรัฐมีหน้าที่ต้องเคารพและคุ้มครองให้ประชาชนสามารถใช้เสรีภาพดังกล่าวได้ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย กสม. จึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งต่อการเข้าควบคุมตัวผู้ชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น และขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการดังนี้

  1. ปล่อยตัวผู้ชุมนุมเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นที่ถูกควบคุมโดยไม่มีเงื่อนไข
  2. เร่งรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างเปิดเผยและจริงใจ โดยเฉพาะในการดำเนินโครงการพัฒนาที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่โดยตรง 
  3. อำนวยความสะดวกและเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนและผู้สังเกตการณ์อื่น ๆ ได้ทำหน้าที่รายงานสถานการณ์และข้อเท็จจริงอย่างเสรี โดยไม่สร้างอุปสรรคอันเป็นการขัดขวางหรือคุกคามการปฏิบัติหน้าที่

 

กสม. หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายและมีหน้าที่คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน จะรับฟังเสียงของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบและอำนวยให้การใช้เสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบของประชาชนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนสากลเป็นสำคัญ