วันนี้ (15 ธ.ค.64) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือผ่าน นายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวน ป.ป.ช. ถึงนายวัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ขอให้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เสนอลดโทษชั้นเยี่ยมให้นักโทษคดีทุจริตจำนำข้าวว่า ผิดกฎหมายอื่นใด หรือ ผิดจริยธรรมหรือไม่
นายวัชระ กล่าวว่า ทั้ง 2 คนใช้กลไกทางกฎหมายตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ดำเนินการบริหารโทษ (ลดโทษ) กับบุคคลที่ได้รับการลงโทษตามคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการจำนำข้าวคือ
นายภูมิ สาระผล จากโทษจำคุก 36 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 8 ปี
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ กำหนดโทษจำคุก 48 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 10 ปี
นายมนัส สร้อยพลอย กำหนดโทษจำคุก 40 ปี ล่าสุดเหลือวันต้องโทษ 8 ปี
นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (เสี่ยเปี๋ยง) กำหนดโทษ 48 ปี ล่าสุด เหลือวันต้องโทษ 6 ปี 3 เดือน
ตามที่เป็นข่าวดังและกำลังถูกกระแสสังคมต่อต้านอย่างหนักอยู่ในขณะนี้ การกระทำของนายสมศักดิ์ และนายอายุตม์ ส่อว่าผิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและหรือกฎหมายอื่นใด และหรือจริยธรรมของข้าราชการหรือไม่ เนื่องจากเป็นที่สงสัยค้างคาหัวใจของประชาชนผู้รักความยุติธรรมทั้งประเทศ กระทบกระเทือนต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม และกระบวนการยุติธรรมทั้งประเทศ
จึงขอให้สำนักงานป.ป.ช. เร่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเพื่อพิจารณาสอบสวนว่า เป็นการกระทำที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนผิดกฎหมายอื่นใดหรือไม่ และส่อว่าผิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีข้อต่างๆ ต่อไปนี้หรือไม่ ดังนี้
ข้อ 6. ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขตและเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ข้อ 7. ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน
ข้อ 12. ยึดมั่นหลักนิติธรรม และประพฤติตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีของประชาชน
ข้อ 13. ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม เป็นอิสระ เป็นกลาง และปราศจากอคติโดยไม่หวั่นไหวต่ออิทธิพล กระแสสังคม หรือแรงกดดันอันมิชอบด้วยกฎหมาย โดยคำนึงถึงสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้ ตามความเหมาะสมแห่งสถานภาพ
ข้อ 17. ไม่กระทําการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง
ข้อ 21.ปฏิบัติหน้าที่ราชการอย่างเต็มกําลังความสามารถ และยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม โปร่งใสและตรวจสอบได้ และปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ โดยคํานึงถึงผลประโยชน์ของชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม
นายวัชระ กล่าวว่า ที่ผ่านมาในสมัยที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เคยมีนโยบายว่า ไม่ลดโทษให้กับคดีทุจริต แต่ในยุคนี้ เพราะเหตุใดกระทรวงยุติธรรมจึงเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในทางที่เป็นคุณต่อนักโทษคดีทุจริตคอร์รัปชัน ทั้งๆ ที่สวนทางกับนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างสิ้นเชิง
“ผมเป็นอดีตส.ส. 2 สมัย ได้รู้จักนักการเมืองที่ถูกจำคุกทุกคน แต่เรื่องหลักการแห่งความยุติธรรมจะนำเรื่องส่วนตัวมาละเว้นไม่ได้ ถ้าบรรดานักการเมืองที่ถูกจำคุกได้ลดโทษชั้นเยี่ยมแล้ว ลูกหลานคนจนที่ถูกจำคุกนับแสนคนก็ควรได้ลดโทษชั้นเยี่ยมเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ไม่ได้ว่ารัฐมนตรีทำผิดกฎหมายหรือจริยธรรม แต่ประชาชนสงสัยในเรื่องนี้ทั่วทั้งสิบทิศ จึงต้องมายื่นหนังสือถึงป.ป.ช.ให้ช่วยสร้างความกระจ่างให้กับสังคม ถ้ากรมราชทัณฑ์อ้างว่าศาลมีหน้าที่ลงโทษจำคุก ส่วนกรมราชทัณฑ์มีหน้าที่บริการโทษ (ลดโทษ) ถือเป็นคำพูดที่ไม่มีเหตุผล กรมราชทัณฑ์จะมีอำนาจเหนือคำพิพากษาของศาลได้อย่างไร”
ทั้งนี้ ขอให้ป.ป.ช.เชิญ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ และ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มาให้ข้อมูลว่า มีการแก้ไขกฎระเบียบลดโทษให้นักโทษคดีคอร์รัปชันเกิดขึ้นในสมัยใด มีบุคคลใดเกี่ยวข้องบ้าง และกันข้าราชการกรมราชทัณฑ์ชั้นผู้น้อยไว้เป็นพยานเพื่อความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย