ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ นายสิระ เจนจาคะ พ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. จากเหตุเคยจำคุกในคดีฉ้อโกง จนขาดคุณสมบัติการรับสมัครเลือกตั้ง และ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมา ระบุว่าหัวหน้าพรรคขณะนั้นเป็นใคร ถ้ารู้เห็นเป็นใจว่าหนังสือรับรองนั้นเป็นเท็จเรื่อง อาจต่อเนื่องไปถึงการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งในอนาคต
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะไปร่วมงานกับพรรคใหม่ของกลุ่ม 4 กุมาร ที่มี นายอุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำ โพสต์เฟซบุ๊กถึงเรื่องดังกล่าวว่า สังคมวุ่นวายเพราะความเห็น ที่ไม่ประกอบด้วยความรู้
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร เขียนข้อความในเฟซบุ๊ก ทำนองว่า หัวหน้าพรรคที่ออกหนังสือรับรองคุณสมบัติให้ท่านอดีตส.ส.สิ ระ เจนจาคะ ท่านยังตั้งใจทำการเมืองต่อหรือไม่ เพราะเรื่องอาจต่อเนื่องไปถึงการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้
“ผมไม่อยากให้ใครพยายามบิดเบือนกฎหมายจะด้วยเจตนาอะไรก็แล้วแต่ ผมเพียงแต่อยากให้ความรู้แก่ท่านที่ต้องการแสวงหาความรู้ในเรื่องนี้”
1.กฎหมายอาญาลงโทษการกระทำที่ประกอบด้วยเจตนาเท่านั้น เว้นแต่บางเรื่องที่แม้ไม่เจตนากฎหมายก็ถือเป็นความผิด เช่น ประมาท แม้ไม่เจตนาก็เป็นความผิด
2.การรับรองข้อความอันเป็นเท็จ จะเป็นความผิดต่อเมื่อ ผู้รับรองรู้ว่าข้อความนั้นเป็นเท็จ แต่ไปรับรองว่าไม่เท็จ อย่างนี้จึงจะผิด
3.การรับรองคุณสมบัติของผู้สมัครส.ส.นั้น เขาให้ผู้สมัครรับรองคุณสมบัติตัวเองในแบบฟอร์มตอนสมัครลงส.ส.ต่อพรรคการเมือง และต้องรับรองคุณสมบัติของตนเองต่อเจ้าหน้าที่ตอนสมัครต่อกกต.อีกครั้งหนึ่ง หัวหน้าพรรคเพียงแต่ทำหนังสือรับรองว่า กรรมการบริหารพรรคมีมติส่งใครลงสมัครเท่านั้น
“หัวหน้าพรรคไม่มีทางรู้หรอกว่า เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ใครถูกศาลพิพากษาคดีอะไรมาบ้าง ถ้าหัวหน้าพรรครู้ขนาดนั้น ผมว่า ไปเป็นหมอดูดีกว่ามาเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง คนจะเข้าคิวกันไปดูหมอกันหัวบันไดไม่แห้งแน่”
4.ประชาชนเองก็ต้องตั้งสติในการรับฟังครับ บ้านเมืองมีปัญหากับ "ความเห็นที่ไม่ประกอบด้วยความรู้" มามากแล้ว ผมไม่แสดงความเห็นที่ไม่ประกอบด้วยความรู้หรอก กลัวคนจะหาว่าผมโง่แล้วอวดฉลาด ฝนอาจจะตกทางฝั่งอาจารย์สมชัย แต่ยืนยันว่าไม่หนาวมาถึงฝั่งนี้หรอก