วันที่ 9 ม.ค.2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบถึงข้อกังวลของหลายฝ่ายกรณีกรมสรรพากรกำหนดให้ผู้ที่มีกำไรจาการขายสินทรัพย์ดิจิทัลต้องยื่นแบบเสียภาษี หรือที่เรียกว่าการเสียภาษีคริปโทเคอร์เรนซี่ จะสร้างอุปสรรคต่อการพัฒนาตลาดการเงินสมัยใหม่
รวมถึงสร้างสิ่งแวดล้อมที่ไม่เอื้อให้สตาร์ตอัพกลุ่มฟินเทคเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลไม่มีนโยบายปิดกั้นการพัฒนาใหม่ๆ ไม่ว่าจะในอุตสาหกรรมใดรวมถึงกลุ่มฟินเทค เพียงแต่ส่วนใดที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ มีกลุ่มคนเข้าใจในวงจำกัดและจะเกี่ยวข้องกับการนำทรัพย์สินของประชาชนมาลงทุน รัฐบาลต้องใช้ความระมัดระวัง และต้องพิจารณาอย่างรอบด้านก่อนให้การสนับสนุน เช่นที่ผ่านมามีสตาร์ตอัพกลุ่มเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาระดมทุนในประเทศไทยมาก รัฐบาลก็ออกนโยบายยกเว้นภาษีกองทุนร่วมลงทุน (Venture capital) ให้ จูงใจให้มีการลงทุนจริงในประเทศ
ส่วนการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีนั้นยังเน้นการซื้อขายเหรียญเพื่อทำกำไรเท่านั้น ขณะที่ความเข้าใจของผู้ลงทุนยังอยู่ในวงจำกัด อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีผู้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลสะท้อนว่า หลักเกณฑ์การคิดภาษีจากกำไรการขายสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ลงทุนแต่ละประเภทยังไม่มีความชัดเจน นายกฯได้มอบหมายให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ดำเนินการชี้แจงให้เกิดความชัดเจนต่อไป
น.ส.ไตรศุลีกล่าวว่า นายกฯยังได้มอบหมายกระทรวงการคลังให้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และภาคเอกชนในการศึกษาความเหมาะสมในเชิงนโยบาย ข้อมูลล่าสุดก็ได้เห็นพัฒนาการของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลว่าเริ่มเป็นที่นิยม หากเร่งให้การสนับสนุนโดยไม่พิจารณาอย่างรอบด้าน อาจเกิดวิกฤตคริปโทได้