ห่วงโควิด-19 ในเด็กเพิ่มขึ้น ย้ำทุกรพ.ปฏิเสธการรักษา

10 ม.ค. 2565 | 07:30 น.
อัปเดตล่าสุด :10 ม.ค. 2565 | 15:25 น.

นายกฯ ห่วงโควิดในเด็กเพิ่มขึ้น ย้ำทุกรพ.ห้ามปฏิเสธการรักษา หากผู้ป่วยเต็มให้ประสานงานส่งต่อผู้ป่วยให้เร็วที่สุด กำชับสถาบันสุขภาพเด็กฯ เตรียมพร้อมรักษา

วันที่ 10 ม.ค. 2565 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้มีความห่วงใยต่อกรณีที่ได้พบผู้ป่วยโควิด-19 ในเด็กเพิ่มขึ้น รวมถึงที่มีการเผยแพร่ในสื่อว่าได้เกิดกรณีโรงพยาบาลปฏิเสธการรับรักษาเด็ก โดยในเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีขอให้กระทรวงสาธารณสุขกำชับโรงพยาบาลทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชน อย่าปฏิเสธการรับผู้ป่วยเข้ารักษา หากเกิดกรณีผู้ป่วยเต็มให้มีการประสานงานส่งต่อผู้ป่วยให้เร็วที่สุด โดยต้องให้ความสำคัญกับผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็นลำดับแรก  

 

“ท่านนายกรัฐมนตรีมีความกังวลต่อกรณีที่มีการปฏิเสธไม่รับเด็กเข้ารักษาในโรงพยาบาล ท่านขอให้กระทรวงสาธารณสุขวางระบบเพื่อให้มีการรับหรือส่งต่อที่มีประสิทธิภาพ มีระบบให้คำปรึกษาในการรักษาผู้ป่วยกลุ่มนี้ให้เร็วที่สุด เนื่องจากเด็กมีภูมิคุ้มกันน้อยเพราะยังไม่ได้รับวัคซีนเหมือนผู้ใหญ่”น.ส.ไตรศุลี กล่าว  
 

ห่วงโควิด-19 ในเด็กเพิ่มขึ้น  ย้ำทุกรพ.ปฏิเสธการรักษา

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกำชับให้สถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชราชินีซึ่งเป็นสถาบันหลักที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลรักษาโรคเด็ก ให้เตรียมการให้พร้อมเพื่อรองรับการรักษาผู้ป่วยโควิดเด็กทุกกลุ่มทุกระดับอาการ และเป็นหน่วยงานหลักในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาผู้ป่วยเด็กแก่โรงพยาบาลทั่วประเทศ ทั้งขั้นตอนวิธีการดูแล การเตรียมยาน้ำฟาร์วิพิราเวียร์สำหรับเด็ก เป็นต้น   


สำหรับผู้ปกครอง มีข้อแนะนำว่าในช่วงที่แนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ยังเพิ่มขึ้นนี้ ขอให้หลีกเสี่ยงการพาเด็กไปในสถานที่ที่มีคนจำนวนมากซึ่งจะเพิ่มโอกาสให้เด็กรับเชื้อมากขึ้น และขอแนะนำให้ผู้ปกครองซึ่งต้องอยู่ใกล้ชิดเด็กให้เข้ารับวัคซีนให้ครบโดส เพื่อลดโอกาสที่จะนำเชื้อมาสู่เด็กด้วย 

ส่วนของการคัดกรองเพื่อนำเด็กเข้าสู่การรักษาให้เร็วที่สุด เนื่องจากเด็กจะไม่สามารถถ่ายทอดอาการของตนเองได้เหมือนผู้ใหญ่ ขอให้ผู้ปกครองเฝ้าสังเกตอาการ หากเด็กมีไข้ ไอ มีน้ำมูกและมีประวัติไปยังพื้นที่เสี่ยง หรือมีคนในครอบครัวเป็นผู้ป่วยโควิด-19 ถือว่าเด็กมีความเสี่ยงควรใช้ชุดตรวจ ATK ที่ปัจจุบันมีทั้งแบบตรวจโพรงจมูกและน้ำลายเพื่อตรวจคัดกรอง
 

หากให้ผลลบควรตรวจซ้ำในวันที่ 3-4  แต่หากผลเป็นบวกกรณีอยู่ในภูมิภาคให้ติดต่อโรงพยาบาลใกล้บ้าน หากอยู่ใน กทม.และปริมณฑล สามารถติดต่อไปยังสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือติดต่อสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อเข้าสู่ระบบการรักษา

 

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ก็ได้มีข้อสั่งการให้กรมการแพทย์ร่วมกับภาคีเครือข่ายร่วมกันดูแลผู้ป่วยโควิดกลุ่มเด็กให้ดีที่สุด ซึ่งล่าสุดได้มีการประสานกับ กทม.ให้จัดทำเตียง Community Isolation (CI) สำหรับเด็กและครอบครัวเอาไว้ 6 โซน โซนละ 1 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ แห่งละอย่างน้อย 50 เตียง โดย 1 ห้องเด็กอยู่ร่วมกัน 3-4 คน พร้อมให้สถาบันเด็กแห่งชาติมหาราชราชินีเผยแพร่วิธีการเตรียมยาน้ำฟาวิพิราเวียร์สำหรับเด็ก ผ่านทาง YouTube เผยแพร่แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศให้เตรียมยาได้ด้วยวิธีการที่ไม่ยุ่งยาก