วันนี้ (21 ม.ค.65) เมื่อเวลา 16.20 น. นายธนพร สมศรี เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเปิดเผยว่า จากที่ตนได้ยืนยันว่า จะไม่ร่วมสังฆกรรมกับกระบวนการประเมินผลงานของเลขาธิการ สกสค.รอบปีงบประมาณ 2564 ซึ่งมีเส้นตายเมื่อต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ทั้งที่ได้จัดทำผลงานประเมินทั้ง 7 เล่มไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ไม่ได้ส่งตามกำหนดเนื่องจากเกณฑ์ประเมินที่ไม่เป็นธรรม และได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อนายกรัฐมนตรี และยังไม่ได้รับการพิจารณาค้างไว้อยู่
โดยขณะนี้คณะกรรมการประเมินฯก็ได้แจ้งต่อคณะกรรมการ สกสค. (บอร์ด สกสค.) ว่า ตนไม่ส่งผลงานเพื่อให้บอร์ดพิจารณา แต่จนวันนี้คือวันที่ 21 ม.ค.65 ผ่านมากว่าครึ่งเดือน ก็ยังไม่มีการพิจารณาจากบอร์ดเลย ซึ่งตนทราบเหตุผลลึกๆว่า เป็นเพราะอะไร
“คงจะเป็นเรื่องยาก หากบอร์ด สกสค.บางท่านที่เป็นถึงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ยังมีคุณธรรมอยู่จะไปใช้เหตุที่ผมไม่ส่งผลงานประเมิน เพราะยังค้านเกณฑ์ประเมินที่ไม่ถูกต้องจนถึงขนาดต้องร้องขอความเป็นธรรมต่อท่านนายกรัฐมนตรีอยู่นั้น มาเป็นเหตุพิจารณาว่าผมผิดสัญญาจ้างแล้วจะเลิกจ้างผมได้ลง” นายธนพร ระบุ
นายธนพร กล่าวต่อว่า แต่ผู้มีอำนาจก็ยังมีเครื่องมืออื่นอีกคือ การพิจารณาแผนการปฏิบัติงานของเลขาธิการ สกสค.ในปี 65 ซึ่งตามสัญญาจ้าง หากบอร์ด สกสค.ไม่อนุมัติให้แผนปี 65 ผ่าน 2 ครั้ง สามารถใช้เป็นเหตุเลิกจ้างตนได้เช่นกัน ซึ่งขอตั้งข้อสังเกตว่า ตนได้ส่งแผนปี 65 ตามสัญญาจ้างให้บอร์ดพิจารณาตั้งแต่เมื่อ 30 ส.ค.64 คือก่อนเริ่มปีงบประมาณ 2565 ราว 30 วัน แต่บอร์ด สกสค.เพิ่งจะขุดเอาเรื่องแผนปฏิบัติงานของเลขาธิการ สกสค.ขึ้นมาพิจารณาในช่วงที่ตนค้านเกณฑ์และไม่เข้าร่วมการประเมินผลงาน
“แผนงานปี 65 ของผมที่ บอร์ด สกสค. บอกว่าไม่ผ่าน เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 1 และมีเส้นตายว่า ผมต้องส่งแผนให้บอร์ดพิจารณาครั้งสุดท้ายคือวันนี้ (21 ม.ค.) คงไม่ต้องถามว่า ถ้าผมส่งแผนงานปี 65 อีกครั้งผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะถ้าบอร์ดไม่ให้ผ่านอีก ก็สามารถเลิกจ้างผมได้” เลขาธิการ สกสค.กล่าว
นายธนพร กล่าวอีกว่า ที่น่าสังเวชใจคือ วันนี้วันที่ 21 ม.ค.65 ซึ่งปีงบประมาณ 2565 เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค.64 ผ่านมากว่า 4 เดือนแล้ว แผนการทำงานของเลขาธิการ สกสค.ที่จะใช้ในการขับเคลื่อนองค์กรตามปีงบประมาณเพิ่งถูกขุดขึ้นมาพิจารณา และจำเป็นต้องเน้นย้ำให้สังคมทราบด้วยว่า เจตนารมณ์ที่แท้จริงของการประเมินผลงาน หรือการพิจารณาแผนปฏิบัติงานในอนาคต มีไว้เพื่อปรับปรุงและพัฒนางานของผู้บริหารในเชิงสร้างสรรค์ ไม่ใช่มีไว้ใช้เป็นเครื่องมือที่จะทำให้ใครต้องพ้นจากตำแหน่งแต่อย่างใด
สิ่งที่เกิดขึ้นกับตนคงเพียงพอที่จะเป็นหลักฐานยืนยันว่า มีอำนาจเหนือระบบราชการ ที่ไม่ได้ต้องการให้ตนอยู่ในตำแหน่งนี้ต่อไป และหากตนยังยื้อต่อไปจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร สกสค.ที่ตนรัก เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น งานและโครงการพัฒนาต่างๆเมื่อนำเข้าประชุมบอร์ดหลายต่อหลายครั้งแต่ไม่ได้พิจารณาเลย แม้แต่การใช้งบประมาณของปี 65 ก็ยังอนุมัติแค่กรอบวงเงิน ยังไม่สามารถดำเนินการตามปกติได้
“วันนี้ผมจึงตัดสินใจแล้วว่า ผมจะเสียสละตนเอง ด้วยการลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการ สกสค. เพื่อให้องค์กรที่ผมรักเดินหน้าต่อไปได้” นายธนพร กล่าว
นายธนพร กล่าวด้วยว่า ตามสัญญาจ้างเลขาธิการ สกสค.นั้นได้ระบุไว้ว่า หากมีการลาออกก่อนครบวาระ จะมีผลในอีก 90 วัน ก็ขอยืนยันว่า เวลาที่เหลืออยู่จะมุ่งมั่นทุ่มเทการทำงานให้กับ สกสค.อย่างสุดความสามารถ ตามปณิธานที่ตั้งไว้ตั้งแต่รับตำแหน่ง และหวังว่า บอร์ด สกสค.จะสนับสนุนการดำเนินแผนงานและยุทธศาสตร์ต่างๆด้วย
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นภารกิจกับ สกสค.แล้ว ตนจะฝากข้อมูลผลงาน และแผนงานต่างๆที่วางไว้ให้ สกสค. ในระบบฐานข้อมูลของ สกสค. อย่างน้อยๆผู้ที่จะมาทำงานต่อจากตน จะสามารถนำสิ่งดีๆเหล่านี้ไปต่อยอดและพัฒนาเพื่อครูและบุคลากรทางการศึกษาต่อไปด้วย
“ผมทำงานที่ สกสค.ตั้งแต่ปี 2562 จนปัจจุบันปี 2565 ได้สัมผัสรับรู้หัวใจที่มีความรัก องค์กร และตั้งใจทำงานของทุกคนใน สกสค. ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน มาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ขอให้กรณีของผมเป็นกรณีสุดท้ายที่เป็นเหยื่อของอำนาจที่อยู่เหนือระบบราชการ ซึ่งขาดธรรมาภิบาล และปลุกให้สังคมได้ตื่นขึ้น ทั้งนี้ผมขอยืนยันจะเดินหน้าต่อไปในบทบาทการทำงานเพื่อส่วนรวม เพื่อครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อปฏิรูปอำนาจที่อยู่เหนือระบบราชการ และผมจะสู้ต่อไปเพื่อพัฒนาให้สังคมไทยสร้างสรรค์” นายธนพร กล่าวในที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นวันเดียวกัน นายธนพรได้เรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงของสำนักงาน สกสค. เพื่อแจ้งข่าวการตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งให้ทราบ และยืนยันว่าในห้วงเวลาที่เหลือก่อนการลาออกจะมีผลในอีก 90 วัน จะมุ่งมั่นทุ่มเทการทำงานให้กับ สกสค.อย่างสุดความสามารถ
และขอความร่วมมือบุคลากรของ สกสค.ในการร่วมกันพัฒนาปฏิรูปองค์กร สกสค.ต่อไป ซึ่งผู้บริหารระดับสูงของสำนักงาน สกสค. ต่างแสดงความเห็นใจและให้กำลังใจนายธนพรอย่างอบอุ่น แต่ก็เข้าใจเหตุผลที่นายธนพรต้องตัดสินใจลาออก.