โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 9 กรุงเทพมหานคร(กทม.) หลักสี่-จตุจักร ก่อนที่จะถึงวันหย่อนบัตรลงคะแนนวันอาทิตย์ที่ 30 ม.ค.2565 นี้ ผู้สมัครแต่ละพรรคต่างขมีขมันเร่งเครื่องหาเสียงกันเต็มสูบ
แต่หากวิเคราะห์กันถึงเชิงชั้นความได้เปรียบเสียเปรียบนั้น ต้องยอมรับว่า คู่แข่งที่สูสี ตีคู่กันมา คือ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย สุรชาติ เทียนทอง และ ผู้สมัครจากพรรคกล้า อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส่วนผู้สมัครจากพรรคแชมป์เก่าอย่างพลังประชารัฐ ที่ส่ง มาดามหลี - สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ภรรยา นายสิระ เจนจาคะ เข้าลงชิงชัยในครั้งนี้ ก็ดูจะตกเป็นรองทั้ง 2 คนไป เนื่องจากสถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐ ที่สั่นคลอนทั้งเสถียรภาพรัฐบาล และคะแนนเสียงในพื้นที่
นอกจากนั้นยังมีพรรคไทยภักดี ที่ส่ง พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ ขวัญใจกลุ่มผู้สูงวัยที่รักสถาบัน รวมไปถึงพรรคก้าวไกล ที่ส่ง เพชร กรุณพล ที่ได้เสียงสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่
หันมามองถึงโพลล์ ซึ่งแต่ละพรรคได้จัดทำขึ้นในทางลับ ก็เป็นไปตามคาด คนที่มีโอกาสจะคว้าชัย คือ สุรชาติ, อรรถวิชช์, มาดามหลี, เพชร กรุณพล และ พันธุ์เทพ ตามลำดับ
ส่วนโพลล์ทางโซเชียล แน่นอนว่า เพชร กรุณพล มาเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วย อรรถวิชช์ กับ สุรชาติ ที่เบียดตีคู่กันมา ส่วน มาดามหลี และ พันธุ์เทพ คะแนนตกเป็นรอง
แต่หากวิเคราะห์ในเชิงพื้นที่จะพบว่า คะแนนเสียงที่มาจากประชาชนในกลุ่มต่าง ๆ มีการตัดคะแนนกันไป หรือเรียกว่าเป็น “เกมชักกะเย่อ” ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 4 กลุ่มหลัก คือ
1. ธรรมชาติพื้นที่เปลี่ยนไป จากชุมชน บ้านเรือน เป็นตึกคอนโดมากขึ้น อายุเฉลี่ยของคนกลุ่มนี้คือ 30-35 ปี จัดอยู่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เทใจให้ เพชร กรุณพล
2. ฐานคะแนนที่ใหญ่ที่สุด คือประชากรวัยทำงาน อายุระหว่าง 35-60 ปี ฐานนี้จะแย่งชิงกันระหว่าง สุรชาติ กับ อรรถวิชช์ คะแนนเก่าปชป.กว่า 2 หมื่น คะแนนวางใจ “กล้า” มากกว่า “ไทยภักดี” ถึงแม้ว่าจะเป็นคนเก่าจากปชป.ทั้งคู่ แต่ดีกรีของ "กรณ์-อรรถวิชช์" เข้มข้นกว่ามากในแง่ผลงานเชิงบริหาร และงานสภา
รวมไปถึงทีมงานภาคพื้นดินของ "จตุจักร-หลักสี่" ก็คือทีมงานคนคุ้นเคยกันในช่วง “อรรถวิชช์” ลงพื้นที่เขตนี้มาตั้งแต่ปี 2548 และยังมีแต้มต่อจากสายสัมพันธ์อันดีกับ ผู้การแต้ม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ และ อดีต สก.จากพรรคประชาธิปัตย์
3. กลุ่มผู้สูงอายุ ที่รักสถาบันพระมหากษัตริย์ กลุ่มนี้ไทยภักดีได้เปรียบ ตีคู่มากับพรรคกล้า และ พลังประชารัฐ
4. กลุ่มเบื่อรัฐบาล ทั้งในเรื่องของแพง และปัญหาเศรษฐกิจ ทุกพรรคก็พยายามแย่งชิงกัน ด้วยชั้นเชิงและยุทธศาสตร์ในช่วงโค้งสุดท้าย
ขณะที่ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะถึงวันหย่อนบัตรอาทิตย์ที่ 30 ม.ค.นี้ ในวันที่ 28 ม.ค. ได้มีการปราศรัยใหญ่ของ คู่ชิงคนสำคัญของ 2 พรรค คือ เพื่อไทย และ พรรคกล้า ในเวลาเดียวกัน และที่สำคัญ “อรรถวิชช์” จากพรรคกล้า เปรยว่าจะมี “เซอร์ไพรซ์” ผู้สนับสนุนคนสำคัญของพรรคที่จะมาขึ้นเวทีด้วย
สำหรับพรรคกล้า กำหนดปราศรัยใหญ่ในวันที่ 28 ม.ค. เวลา 17.00 น. ที่ศูนย์กีฬาเยาวชนหลักสี่ เคหะท่าทราย
ขณะที่พรรคเพื่อไทย กำหนดปราศรัยใหญ่ในวันที่ 28 ม.ค.ที่สวนสุขภาพเคหะทุ่งสองห้อง ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป