วันที่ 4 ก.พ. 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ว่า วันนี้การเมืองมีทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล ถ้าเรามัวแต่ว่ากันไปกันมาก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรทั้งสิ้น อะไรที่มันช่วยได้ เป็นข้อมูลที่จะเตือนหรือบอก รัฐบาลก็พร้อมทำความเข้าใจให้ตรงกัน ทุกอย่างก็จะแก้ได้ ซึ่งวันนี้ก็ต้องไปดูแลในเรื่องงบประมาณปี 66 เพราะถือเป็นสิ่งที่เป็นความเป็นความตายของประเทศและประชาชน เรามีโอกาสมากมาย เพราะฉะนั้นอย่าทำลายโอกาสของเรา ด้อยค่าในการทำงานที่ดีๆ บางทีมันไม่เหมาะสมแต่ผมก็ว่าใครไม่ได้อยู่แล้ว ผมห้ามความคิดคนไม่ได้ แต่ก็ยินดีที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตราบใดที่ยังต้องทำอยู่ ”
เมื่อถามว่าก่อนหมดวาระในตำแหน่งมีปัญหาและเรื่องใดที่จำเป็นต้องเร่งแก้ไขหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คำว่าเร่งหรือคำว่าเสร็จจะต้องมีการวางแผนดำเนินการเป็นขั้นตอน อะไรคือความเร่งด่วน กลุ่มใดเรื่องใดควรมาก่อนหรือหลัง หรืออาจจะต้องทำพร้อมกันทั้งหมด แต่คนเดือดร้อนมากที่สุดจะต้องได้รับการดูแลมากและเร็วหน่อย วันนี้มีทั้งคนที่ล้มไปแล้วแล้วกำลังจะล้ม รัฐต้องทำอย่างไรให้คนเหล่านี้พยุงเพื่อให้อยู่ได้ก่อน วันนี้หลายมาตรการของรัฐบาลจึงได้ออกมามาก และต้องใช้งบประมาณจำนวนมากแต่ยืนยันว่าไม่ใช่การหาเสียง เป็นการทำเพื่อประชาชน เมื่อจำเป็นก็ต้องทำ รัฐบาลไหนที่เข้ามาก็ต้องทำแบบนี้ เป็นการทำด้วยความสุจริตใจ จะปล่อยให้หมักหมมต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ยืนยันว่านายกฯไม่เคยหยุดแก้ปัญหาตรงนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เช้าวันเดียวกันนี้ได้เชิญที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจมาหารือก็มีหลายประเด็นที่เป็นห่วง รัฐบาลจำเป็นต้องศึกษาหาแนวทางเพื่อสู่แนวปฏิบัติที่เหมาะสมและทยอยมาตรการออกมาเรื่อยๆ บางอย่างจะให้ผลีผลามมากก็ไม่ได้เพราะจะส่งผลกระทบไปกันทั้งหมด พร้อมระบุว่า ขอให้ทุกคนเข้าใจและขอเพียงอย่างเดียวความรักความสามัคคีในวันนี้ ในส่วนของประชาชนและส่วนต่างๆ ถ้าเราไม่ร่วมกันมันแก้อะไรไม่ได้ทั้งหมด อย่าลืมว่าเราคือคนไทยด้วยกันทั้งสิ้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราไม่ใช้ศัตรูกัน”นายกฯกล่าว
เมื่อถามถึงความคืบหน้าประเด็นการสร้างความปรองดองที่รัฐบาลชูนโยบายต้งแต่เข้ามาถึงวันนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าที่ควร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “จะไม่ถึงไหน ตรงไหนได้อย่างไร ในเมื่อสถานการณ์ที่ผ่านมาวันก่อนมันเกิดอะไรขึ้น มีทั้งเรื่องการเคลื่อนไหว การใช้อาวุธ การตีกัน แล้วที่ผมอยู่มามันก็ไม่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ใช่หรือ มีแค่การประท้วงการร้องเรียน ผมก็เข้าไปคลี่คลาย ส่งคณะทำงานไปพูดคุยและนำเข้าสู่ระบบเพื่อแก้ปัญหา แล้วจะมาบอกว่าไม่เกิดอะไรขึ้นเลยได้อย่างไร เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้คือการระดมสมองในการแก้ไขปัญหา
ขณะเดียวกันก็มีการไปทำให้คนไปคิดในสิ่งที่ไม่ควรจะคิด จนเกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ซึ่งผมไม่ต้องการให้คนไทยแบ่งเป็นฝ่าย จะรักผมหรือไม่รักผม ชอบหรือไม่ชอบ สิ่งนี้คืออันตรายที่สุด ท้ายที่สุดท่านไม่รักผมแต่ขอให้รักประเทศชาติของท่าน รักคนไทยเพื่อนพี่น้องร่วมชาติของท่าน ทุกคนต้องคิดแบบที่ผมคิดแบบนี้ ผมคิดแบบนี้มาตลอดผมถึงอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะผมมีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นตรงนี้ หลายคนก็เป็นห่วงสุขภาพก็ต้องขอขอบคุณ ผมคิดว่าผมยังมีแรงที่จะทำตรงนี้ได้อยู่ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความสงบเรียบร้อย ความมีเสถียรภาพของบ้านเมือง ทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมาย มีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปัน ไม่มีการทุจริตหรือเรียกรับผลประโยชน์ ผมยืนยันตรงนี้ว่าผมเองทำอย่างเต็มที่ในทุกเรื่อง”
ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุสภาล่มบ่อยจะกระทบต่อการทำงานหรือไม่ โดยเฉพาะกฎหมายลูกที่ยังไม่ผ่านการพิจารณา นายกฯกล่าวว่า เรื่องนี้มันมีอยู่แล้วในโซเชียลก็มีสามารถไปเปิดดูได้ว่ามีสมาชิกเข้าไปประชุมกี่คน ก็จะเห็นได้ว่ามีพรรคไหนเข้ามาบ้าง บางคนมาไม่ได้เพราะติดกักตัว แต่บางพรรคมาแล้วไม่ลงชื่อ แบบนี้มันเป็นวิธีทางการเมืองหรือเปล่าตนไม่รู้ ในส่วนของกฎหมายลูกส่วนตัวก็อยากให้จบได้เร็วตามกำหนดการที่กำหนดไว้ แต่ตนไม่สามารถไปสั่งใครได้เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับสมาชิกรัฐสภา ทุกคนก็ต้องร่วมมือและเข้าไปร่วมกันพิจารณา ถ้าล่มอยู่แบบนี้ก็ไปไม่ได้ จะบอกว่าเป็นความรับผิดชอบของนายกฯคนเดียวคงไม่ใช่ เป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล อะไรก็ตามหากร่วมมือกันทุกอย่างก็ไปได้หมด ทุกคนอยากจะเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าอยากเลือกตั้งก็ต้องทำให้กฎหมายลูกเสร็จ โดยสภาต้องไม่ล่ม ยืนยันว่ากฎหมายสำคัญที่รัฐบาลออกไปทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งสิ้นและต้องผ่านให้ได้ ถ้าทุกอย่างรวนไปหมดก็จะแก้อะไรไม่ได้และกลับไปสู่ที่เดิม กลับไปสู่ความวุ่นวายมหาศาล อย่าลืมว่ามีบทเรียนมาแล้วในทุกเรื่องเหมือนสึนามิ
“ก่อนหน้าที่ผมจะเข้ามามันเกิดอะไรขึ้น แล้วที่ผ่านมาเป็นอย่างไรมีอะไรดีขึ้นบ้าง อะไรที่ต้องแก้ไขผมก็รับผิดชอบทั้งหมด ก็ขอร้องให้ช่วยกันหน่อย”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่าจากการให้สัมภาษณ์ของนายกฯซึ่งยังไม่ชัดเจนในเรื่องการเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แสดงว่ายังมีโอกาสความเป็นไปได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมยังไม่ตอบอะไรทั้งนั้น มีปัญหาอะไรหรือ อะไรที่ยังไม่จำเป็นผมก็ยังไม่ต้องพูด เป็นเรื่องที่ผมต้องตัดสินใจของผมเอง” เมื่อถามว่านอกจากการตัดสินใจของตัวเองต้องขึ้นกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐด้วยใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “คุณถามไม่รู้จะตอบอย่างไร และสื่อก็ไปคุยกับพล.อ.ประวิตรเองก็แล้วกัน
เมื่อถามว่าคิดว่าสถานการณ์ทางการเมืองวันนี้เตะถ่วงการทำงานของนายกฯและรัฐบาลหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ถ่วงผมไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเขาดึงผมไว้ผมก็จะทำงานให้หนักขึ้น 2-3 เท่า ผมไม่เอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นภาระที่จะต้องมานั่งสู้ ผมไม่สนใจ เสียเวลาผม มีคนทำหน้าที่อยู่แล้วก็ปล่อยให้เขาทำไป หน้าที่ของผมคือการบริหารบ้านเมืองให้ดีที่สุด บรรเทาความเดือดร้อนให้ดีที่สุด ถือเป็นเจตนารมณ์อันมุ่งมั่นของผม อะไรที่จะทำให้มีปัญหาบางทีผมก็ไม่รับ เพราะกลไกมันมีอยู่แล้ว ทำไมจะต้องให้นายกฯทำทุกเรื่อง”
เมื่อถามว่านายกฯได้รับรายงานจากที่ปรึกษาด้านกฎหมายเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งครบวาระ 8 ปีหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ทั้งหมดเป็นเรื่องของกฎหมายก็ไปว่ากันมา ฉันก็อยู่เท่าที่อยู่ อยู่ได้เมื่อไหร่ก็แค่นั้น กฎหมายมันก็มีกำหนดอยู่แล้ว เป็นเรื่องการพิจารณาของคนอื่น ผมพิจารณาเองได้เสียเมื่อไหร่” เมื่อถามว่าแสดงว่านายกฯพร้อมที่จะลุยและจะอยู่ต่อเป็นนายกฯสมัยที่ 3 หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า “ลุยอะไร มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในวันข้างหน้า