“ไม่กังวล ก็ให้แลนด์สไลด์ซะก่อนสิ” คำกล่าวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เมื่อถูกถามถึงกรณี “พรรคเพื่อไทย” ประกาศว่าจะชนะแบบ “แลนด์สไลด์” ในการเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้า
เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐจะปรับกลยุทธ์หรือไม่ เพราะเพื่อไทยจะชูคนรุ่นใหม่ และจะดึง 14 ล้านเสียงกลับคืน พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “ก็ว่าไป...เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเลือกตั้ง เลือกตั้งมาแล้วค่อยว่ากัน”
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2565 ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ได้จัดงาน " ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม" ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ มลฑาทิพย์ ฮอลล์ อ.เมือง จ.อุดรธานี เมืองหลวงคนเสื้อแดง
ไฮไลน์สำคัญอยู่ที่การขึ้นกล่าวบนเวทีของ "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย บุตรสาวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
“เป้าหมายการเลือกตั้งแลนสไลด์ทั้งแผ่นดิน เราพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งอีกครั้งเมื่อถึงเวลา และ 14 ล้านเสียง ในช่วงพรรคไทยรักไทย จะเกิดขึ้นอีกในครั้งนี้"
เป็นเสียงจาก "อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร" ที่ปลุกกระแสคนรัก "ทักษิณ ชินวัตร" ให้หวนกลับมาเป็นแนวร่วมกับพรรคเพื่อไทย หลังจากที่เคยได้เสียงสนับสนุนจากประชาชนมากถึง 14 ล้านเสียง ในช่วงพรรคไทยรักไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในปี 2554
สำหรับเป้าหมาย “แลนด์สไลด์” ของพรรคเพื่อไทยนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ตั้งไว้ว่า ต้องได้ส.ส.อย่างน้อย 253 เสียง เพื่อให้เพียงพอ และเป็นรัฐบาลที่แข็งแรง มีเสถียรภาพ
“เที่ยวนี้ต้องชนะแลนด์สไลด์ เพราะว่าชนะธรรมดา มันไม่ให้เป็นรัฐบาลหรอก ถ้าแลนด์สไลด์มันไม่กล้าเป็นรัฐบาล ต้องเอาแลนด์สไลด์ชนิดที่ไม่กล้าเป็นรัฐบาล” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ “นายใหญ่” ของพลพรรคเพื่อไทย ก็เคยพูดไว้ในการวิดีโอคอลเข้ามาพูดคุยในงานเลี้ยงวันเกิดของ เกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ท่ามกลางส.ส.และผู้บริหารพรรคจำนวนมาก ที่อยู่ในงาน ในปี 2564
สถิติเลือกตั้งพรรคทักษิณ
ย้อนอดีตที่ผ่านมา ในการเลือกตั้งส.ส. ด้วยกติการะบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ ในปี 2544 พรรคไทยรักไทย ของ ทักษิณ ที่ขณะนั้นใช้สโลแกน “เลือกคนที่ใช่กับพรรคที่ชอบ” ทำให้ชนะถล่มทลายได้ ส.ส.ทั้งหมด 248 ที่นั่ง แบ่งเป็น ส.ส.เขต 200 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 48 ที่นั่ง จากคะแนนรวมกว่า 11.6 ล้านเสียง
ถัดมาในการเลือกตั้ง ปี 2548 ในสมัยที่ ทักษิณ นำ พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง แบบ “แลนด์สไลด์” สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของไทย โดยได้รับเลือกตั้งเกินครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ได้ ส.ส.รวมทั้งหมด 377 ที่นั่ง จากจำนวนทั้งหมด 500 ที่นั่ง
พท.วืดส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ปี 62
ขณะที่ในการเลือกตั้ง ปี 2562 พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนรวมทั้งประเทศ7,920,630 คะแนน ได้ส.ส.เขต 137 ที่นั่ง ไม่ได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิส แม้แต่ที่นั่งเดียว เนื่องจากได้ส.ส.เขตเต็มโควต้าแล้ว
การเลือกตั้งครั้งหน้า หากพรรคเพื่อไทยต้องการ “แลนด์สไลด์” อย่างน้อย ๆ พื้นที่ “ภาคอีสาน” ซึ่งมีส.ส.ได้ 132 ที่นั่ง ต้องกวาดส.ส.ให้ได้ให้หมด หรือต้องได้ให้มากที่สุด
แต่จะทำได้หรือไม่ เพราะพรรคอื่น ๆ ก็ต้องการ “แชร์” เก้าอี้ส.ส.อีสานด้วยกันทั้งนั้น
ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ปี 2562 มี ส.ส.เขต 350 ที่นั่ง ภาคอีสาน มีส.ส. 116 ที่นั่ง และหากย้อนกลับไป ภาคอีสาน เคยมี ส.ส.สูงสุด 144 ที่นั่ง และยุคพรรคไทยรักไทย ของ ทักษิณ ชินวัตร เคยกวาดมาได้ 100 ที่นั่ง
หากดูผลการเลือกตั้งปี 2562 ในภาคอีสาน 116 ที่นั่ง พบว่า เพื่อไทย ได้ 84 ที่นั่ง ภูมิใจไทย 16 ที่นั่ง พลังประชารัฐ 11 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์ 2 ที่นั่ง อนาคตใหม่ 1 ที่นั่ง ชาติไทยพัฒนา 1 ที่นั่ง ชาติพัฒนา 1 ที่นั่ง
5 พรรคชิงส.ส.อีสาน
ขณะที่ในการเลือกตั้งส.ส.ครั้งหน้า แต่ละพรรคที่ต้องการได้ส.ส.เพิ่มขึ้น ก็ต้องมุ่งไปแย่งชิงกันในพื้นที่ “ภาคอีสาน” ซึ่งก็จะทำให้ “พรรคเพื่อไทย” เหนื่อยขึ้นที่จะไปบรรลุเป้าหมาย “แลนด์สไลด์”
อย่างน้อย ๆ ขณะนี้ในพื้นที่ภาคอีสาน จะมีการแข่งกันอยู่ 5 พรรค ได้ ประกอบด้วย
1.เพื่อไทย เจ้าของพื้นที่เดิม มีจุดแข็งสำคัญคือ “กระแสทักษิณ” ตั้งเป้ากวาดส.ส.อีสาน 120 ที่นั่ง
2.ภูมิใจไทย มีจุดแข็ง เรื่องตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต และปัจจัยในการดูแลผู้สมัครที่มากกว่าพรรคอื่น และเป็นพรรคที่มีส.ส.และฐานเสียงส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่อีสานเช่นกัน
3.ก้าวไกล กระแสนิยมในตัว “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ต่อเนื่องจากพรรคอนาคตใหม่ กระทั่งเป็นประธานคณะก้าวหน้า ทำให้ก้าวไกลมีโอกาสไม่น้อยที่จะเพิ่มส.ส.ภาคอีสาน
“จะเป็นนายกฯ ของประเทศ ไทยต้องชนะใจคนอีสาน หากไม่สามารถชนะใจคนอีสานก็เป็นนายกฯ ไม่ได้ และที่สำคัญหากเรายังไม่สามารถเปลี่ยนภาคอีสานได้ เราก็เปลี่ยนประเทศไทยไม่ได้เช่นเดียวกัน” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกาศขณะเดินทางลงพื้นที่จ.ขอนแก่น ช่วงเดือน ต.ค. 2564
4.พลังประชารัฐ ด้วยนโยบายประชานิยม ที่เน้นกลุ่มรากหญ้า ทำให้ตั้งเป้ากวาดส.ส. 40 ที่นั่ง เพราะ “3 ป.” ก็หมายมั่นที่จะดัน “ป.ประยุทธ์” ให้กลับมาผงาดในเก้าอี้นายกฯ สมัยที่ 3 ให้ได้
5.ไทยสร้างไทย ที่พยายามสร้างกระแส หญิงหน่อย- คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพื่อแย่งชิงเก้าอี้ส.ส.กับพรรคเพื่อไทย ถึงขนาดมีโพลล์ของคนอีสานบางโพลล์ “หญิงหน่อย”มาอันดับหนึ่ง ที่คนอยากให้เป็นนายกฯ มาแล้ว
พรรคไหนๆ ก็อยาก “แชร์” ที่นั่งส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งเป็นภาคที่ “พรรคของทักษิณ” เคยชนะถล่มทลายมาแล้ว
แต่มายุคนี้ ยุคที่อะไร ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป ความหวังของ “ตระกูลชินวัตร” ที่ต้องการชนะเลือกตั้งแบบ “แลนด์สไลด์” เพื่อสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และเอามายึดกุมอำนาจรัฐไว้ในมือ เพื่อเป็นใบเบิกทางนำไปสู่การ “พาทักษิณกลับบ้าน” แบบเท่ ๆ คงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แน่นอน...