"บิ๊กป้อม"ตั้ง ‘พล.อ.กฤษณ์โยธิน -​พล.อ.ธัญญา’ นั่ง กก.บห.ตามคาด

03 เม.ย. 2565 | 06:52 น.
อัปเดตล่าสุด :03 เม.ย. 2565 | 14:23 น.

"บิ๊กป้อม"ประกาศนำ "พปชร."เป็นสถาบันการเมือง​ อวดผลงาน​ 3 ปี​เพียบ ขณะที่ประชุมตั้ง​ 2​ อดีตบิ๊กทหาร‘พล.อ.กฤษณ์โยธิน -​พล.อ.ธัญญา’นั่ง กก.บห.พรรค ตามคาด

3 เม.ย. 65  โรงแรมเซนเตอร์ พอยท์ เทอมินอล 21 จ.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ​ (พปชร.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2565 มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี​ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธาน​ มีกรรมการบริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และสมาชิกพรรคแต่ละจังหวัดทั่วประเทศที่เข้าร่วมประชุมมากกว่า 500 คน​

 

ก่อนเข้าระเบียบวาระการประชุม  พล.อ.ประวิตร​ กล่าวเปิดประชุมพร้อมกับสรุปผลงานของพรรคพลังประชารัฐ ว่า บ้านหลังนี้จะพัฒนาให้เป็นสถาบันทางการเมือง ที่มั่นคง เข้มแข็งสร้างประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่

 

โดยผ่านโครงสร้างการทำงานภายในพรรค แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบเป็น 10 ภาค ที่จะนำมาสู่การกำหนดนโยบายตามบริบทของพื้นที่ เพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน  โดยเฉพาะการส่งเสริม และยกระดับภาคการเกษตร ที่นับเป็นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ  ควบคู่ไปกับการดูแลเพิ่มทักษะแรงงาน รองรับการลงทุนในอนาคต เพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชนทั่วประเทศ
 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ​  เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2565  พรรค พปชร.

พล.อ.ประวิตร ​กล่าวว่า พปชร. ได้เร่งแก้ไขปัญหาเรื่องที่ทำกิน และการบริหารจัดการน้ำให้ภาคการเกษตรสามารถมีน้ำใช้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปี  ส่งผลให้ประชาชนมีแหล่งน้ำเพื่ออุปโภค บริโภค และการเกษตร ซึ่งการบริหารจัดการน้ำยังควบคู่ไปกับแผนป้องกันอุทุกภัย มีการพัฒนาระบบการแจ้งเตือนในการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ

 

จัดทำแผนแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างเป็นระบบ ทั้งในเรื่องเงินเยียวยาผ่านงบกลางของภาครัฐ  ซ่อมแซมที่พักอาศัย มีการจัดถุงยังชีพให้กับประชาชน ผ่านส.ส.ของพปชร.เข้าไปดูแล ประสานงานช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง​​

 

ในปีที่ผ่านมาได้เข้าไปดูแลราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะในพืชเศรษฐกิจ 5 ชนิด ข้าว อ้อย  ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน สามารถสร้างรายได้ให้กับภาคเกษตรได้มากกว่า 7 แสนล้านบาท

 

พรรคยังคงยึดมั่นในการผลักดันนโยบาย 3 เสาหลักเพื่อประชาชนอย่างต่อเนื่องตามที่ให้คำมั่นกับประชาชน ทั้งในเรื่องสวัสดิการประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ และสังคมประชารัฐ

 

​ ช่วงการแพร่ระบาดโควิด 19 ได้เข้าไปดูแลประชาชนทั้งในการมอบอุปกรณ์การแพทย์ จัดสิ่งของเครื่องใช้อุปโภค บริโภคที่จำเป็นผ่านการทำงานพื้นที่ของส.ส. ทั่วประเทศ พร้อมกับผลักดัน 3 โครงการที่ประสบความสำเร็จ ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดีและเข้าร่วมโครงการ ได้แก่

 

โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ​ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน​และในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ได้ผลักดันให้เกิดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางราง น้ำ บก และอากาศ ให้เกิดความพร้อมในการรองรับให้บริการกับประชาชน ที่มีความปลอดภัย และทันสมัย โครงการที่สำคัญ ได้แก่

 

โครงการรถไฟรางคู่ โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา  รวมทั้งการเปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดให้กับประชาชน
 

หัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวว่า​ พรรคประสบความสำเร็จในการผลักดันนโยบายการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) และเรือไฟฟ้า ที่กำลังพัฒนาโครงการต้นแบบ รวมถึงการดูแลความปลอดภัย

 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี​ และหัวหน้าพรรค พปชร.

ได้เร่งหน่วยงานของรัฐติดตั้งกล้องวงจรปิด​ (CCTV )ทั่วประเทศ ส่วนปัญหาค้ายาเสพติด เป็นเรื่องที่พปชร. และรัฐบาลได้ร่วมกัน ดำเนินการทะลายวงจรค้ายาเสพติดมาอย่างต่อเนื่อง จากการดำเนินงานทั้งหมด ถือเป็นผลงานสำคัญของพรรค

 

“ผลงานของพรรคพลังประชารัฐที่ผมได้กล่าวมา ขอให้ทุกคนนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้ในสิ่งที่ตั้งใจ สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคน ภายใต้บ้านพลังประชารัฐหลังนี้ เราคือครอบครัวเดียวกัน

 

เราจะรักสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมก้าวเดินไปด้วยกัน สร้างบ้านพลังประชารัฐให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ยึดมั่นในอุดมการณ์ชาติ สร้างความอยู่ดีกินดีให้คนไทยทุกคน เราจะร่วมใจกันทุกสิ่งทุกอย่าง

 

แม้ขณะนี้รัฐบาลจะเผชิญกับวิกฤต ทั้งภัยสงคราม โควิด 19 แต่เราต้องช่วยกัน ทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้พลังประชาราษฎร์ ช่วยสร้างชาติที่ยั่งยืนตลอดไป” พล.อ.ประวิตร กล่าว


 
ทั้งนี้​ เป็นที่น่าสังเกตว่า​ พล.อ.ประวิตร​ ใช้เวลาในการกล่าวสรุปผลงานของพรรคพลังประชารัฐและรัฐบาล​ นานกว่า​ 30​ นาที รวมถึงมีการถ่ายทอดสดผ่านเพจเฟซบุ๊ก พรรคพลังประชารัฐเป็นครั้งแรก​

 

อย่างไรก็ตาม​ หลังกล่าวเปิดประชุมและสรุปผลงานของพรรคพลังประชารัฐเสร็จ พล.อ.ประวิตรได้เดินทางกลับทันทีเนื่องจากมีภารกิจต่อในช่วงบ่าย

 

จากนั้นเวลา​ 10.30  น.​ได้เข้าสู่วาระการประชุมเพื่อ เลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่าง​ และคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.​

 

โดยที่ประชุมมีมติเลือก​ พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ , พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร , นายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายพรชัย ตระกูลวรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ​ เป็นกรรมการบริหารพรรคแทนตำแหน่งที่ว่าง​ 4​ ตำแหน่ง

 

นอกจากนี้​ ยังมีการแต่งตั้งบุคคลเป็นคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ได้แก่ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค , นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค , พล.อ.ธัญญา กก.บห. , นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรค , นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช

 

สำหรับ พล.อ.กฤษณ์โยธิน เป็นอนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ เป็นอดีตฝ่ายเสนาธิการของ พล.อ.ประวิตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม

 

ส่วน พล.อ.ธัญญา เป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เคยถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีบทบาทเบื้องหลังในทางการเมืองพื้นที่ภาคอีสาน ช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมา​

 

ขณะที่นายวิเชียรและนายพรชัย เคยเป็นกรรมการบริหารพรรคมาแล้ว​ โดยนายวิเชียรเคยเป็นนายทะเบียนพรรค​ ส่วนนายพรชัยเป็นเหรัญญิกพรรคในคณะกรรมการบริหารพรรคชุดแรก