วันนี้(25 เม.ย.65) นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 กล่าวระหว่างลงพื้นที่ถนนรองเมือง สามย่าน ว่า วันนี้นอกจากจะมาพบประชาชน เพื่อหาเสียงแล้วตนยังมาดูการจราจร บนถนนรองเมือง เขตปทุมวัน ซึ่งได้รับการร้องเรียนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสถานที่มีความแออัด และการจราจรติดขัด เนื่องจากมีรถจอดริมข้างทาง ทำให้กีดขวางการจราจร
"ตรงละแวกนี้มักได้รับร้องเรียนเรื่องสิ่งกีดขวางการจราจร เพราะมีรถจอดริมถนน รวมถึงรถขนส่งต่างๆ ที่ จะมาจอดรถเพื่อขนส่งสินค้าในช่วงเช้า และทำให้การจราจรค่อนข้างติดขัดและกลายเป็นปัญหา ซึ่งตนคิดว่าในอนาคตอันใกล้ควรจะมีการโอน และการบังคับใช้เกี่ยวกับจุดห้ามจอดต่างๆ มาที่ กทม.โดยเบ็ดเสร็จ เพราะจะทำให้ กทม.สามารถกวดขันบังคับใช้ได้มากขึ้น เพราะถึงแม้ตอนนี้ จะทำได้อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีการลักลั่นกันอยู่ระหว่าง กทม.กับตำรวจจราจร” นายสกลธี กล่าว
นอกจากนี้ ตนยังมีแนวคิดจะส่งเสริมพื้นที่ว่างเปล่า ที่ยังไม่มีการใช้ประโยชน์อื่นๆ เช่นพื้นที่ใต้ทางด่วน ที่จะเจรจากับการทางพิเศษเพื่อขอใช้พื้นที่ตามโครงการคือทำเป็นลานกีฬา หรือโคเวิร์กกิ้งสเปซให้เยาวชน และคนรุ่นใหม่ มาใช้ประโยชน์ได้
นายสกลธี กล่าวอีกว่า ในช่วงเช้าตนได้ลงพื้นที่เขตปทุมวัน พบว่าจุดใต้ทางด่วนพระราม 1 ซึ่งมีที่ว่างหลายจุด ที่ตรงกับไอเดียของตนอยู่แล้วว่า ต้องการหาพื้นที่ส่วนกลางซึ่งเป็นพื้นที่ของรัฐ ของ กทม. หรือของหน่วยงานอื่นก็แล้วแต่ นำมาทำประโยชน์หลายๆ ประเภท หลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นอาจจะทำเป็นสวนขนาดเล็กหรือ Pocket Park สอง อาจจะทำเป็นลานกีฬา หรือสามทำเป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซ เพราะบริเวณนั้นเป็นจุดที่เข้าถึงง่าย ใกล้มหาวิทยาลัย ก็จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะให้คนใช้ทำงานใช้ร่วมกัน
“ผมคิดว่า ในสมัยนี้ถ้าเรามาทำห้องสมุดเด็กอาจจะไม่เข้าแล้ว เพราะว่าเด็กจบใหม่ๆ ก็ไม่อยากเป็นลูกจ้างใคร แต่อยากเริ่มต้นทำงานด้วยตัวเอง ดังนั้นเราต้องจัดหาพื้นที่ ให้เขามาทำงานเพื่อหาอนาคตของเขาได้ ซึ่งจะมีการเจรจากับการทางพิเศษเพื่อหาพื้นที่มาทำเป็นโคเวิร์คกิ้งสเปซ เพราะเท่าที่ผมเห็นตอนนี้ ส่วนใหญ่ก็ทำเป็นอู่แท็กซี่ หรือ ที่จอดรถ
ผมคิดว่าพื้นที่เหล่านี้ สามารถทำประโยชน์ได้มากกว่านั้น โดยโคเวิร์คกิ้งสเปซที่ว่าอาจจะไม่ต้องหรูหราแต่ทำเป็นพื้นที่ทำงานได้ หรืออาจใช้ตู้คอนเทนเนอร์แบบฮิปๆที่วัยรุ่นชอบ จัดหา WiFi และเครื่องอำนวยความสะดวกให้เขา เป็นพื้นที่ให้เขามาใช้สมองและระดมความคิดในการทำงานร่วมกัน” นายสกลธี ระบุ