นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 ให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดบางพลัด และชุมชนบวรมงคล ว่า ปัญหาของชุมชน หลักๆ ยังคงเป็นเรื่องของการค้าขาย เศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งตรงนี้ต้องคิดว่าจะต้องเร่งรีบแก้ไข โดยเฉพาะหลังการเปิดประเทศวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ที่จะต้องมีกิจกรรมมากระตุ้น ไม่มีการซื้อขาย เพื่อช่วยด้านเศรษฐกิจของคน กทม. เพราะเรื่องปากท้องเป็นเรื่องที่สำคัญของคนทุกคน
สำหรับการหาเสียงในช่วงที่กำลังใกล้ จะถึงวันเลือกตั้ง นายสกลธี กล่าวว่า ตนยังคง มีการลงพื้นที่ทุกวัน ขณะเดียวกันยังใช้สื่ออื่นๆ ในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ให้ประชาชนทราบ
รวมถึงการสื่อสารใน Social Media ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter หรือ tiktok พี่จะเริ่มมีออกมาเรื่อยๆ โดยที่ผ่านมาก็พบว่ากระแสตอบรับดีขึ้น มีประชาชนที่เคยติดตามผลงานตั้งแต่สมัยเป็นรองผู้ว่าฯ ให้กำลังใจ
ส่วนเรื่องโพลล์ ตนยังคงเชื่อมั่นในการลงพื้นที่และรับฟังเอาไว้เป็นข้อมูลเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ากระแสการเมือง ระดับชาติ มีผลกระทบต่อการเมืองระดับท้องถิ่นอย่างแน่นอน แต่โดยส่วนตัวไม่ได้มีความกังวล ยังคงเดินหน้าหาเสียงอย่างต่อเนื่องต่อไป
ขณะที่เรื่องของอดีตของตนก็ไม่เคยรู้สึกกังวล และเคยพูดในหลายโอกาสแล้วว่าไม่เคยปิดบังอดีตของตัวเอง รู้สึกภูมิใจในอุดมการณ์และสิ่งที่ทำเสมอ ล่าสุดมีการนำอดีตของตนมาขยายผล ซึ่งอาจมีความมุ่งหวังให้ประชาชนส่วนหนึ่งเกลียดชัง ตอนนี้ก็ได้ดำเนินคดีไปแล้ว แต่สำหรับการแซวหรือแซะในโซเชียล ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเข้าใจว่าเป็นบุคคลสาธารณะสามารถรับได้อยู่แล้ว
นายสกลธี กล่าวต่อว่า คิดว่าไม่ว่าการเมืองระดับไหน สถานการณ์การเมืองของระดับชาติ ย่อมมีผลทั้งสิ้น แต่อยากสร้างความเข้าใจกับประชาชนว่า ในการทำงานการเมืองท้องถิ่น เป็นการที่จะคัดเลือกตัวแทนเข้าไปทำงานอย่างแท้จริง จึงอยากให้ดูที่การทำงาน ผลงาน และนโยบายของผู้สมัคร มากกว่าการใช้อารมณ์ในการเลือกตั้ง เพราะถ้าเลือกมาด้วยอารมณ์ทางการเมือง อาจจะได้ความสะใจ แต่ 4 ปี เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาจะแก้ไขอะไรไม่ได้
“เรื่องกระแสการเมืองของภาพใหญ่ ผมคิดว่าอาจจะมีผลกระทบต่อคนเลือก ส่วนตัวของผม ผมคิดว่าไม่กระทบ เพราะผมมีความตั้งใจอยู่แล้วว่าจะเป็นผู้ว่าฯ ของทุกคน มีความตั้งใจจะทำเมืองหลวงของเราให้ดีขึ้นกว่านี้ได้ตามสโลแกนของผมที่นำเสนอมาตลอด” นายสกลธี กล่าว